นครปฐม - รอง ผบ.ตร.เผย ผบ.ตร.ลงนามให้ส่งสำนวนไปกองปราบฯ คดียิงสารวัตรแบงค์ ส่วนการติดตามเส้นทางทางการเงินตนยังดูแล โดยขอให้ไปติดตามความคืบหน้าที่กองปราบฯ ด้าน ผกก.สน.พญาไท ให้การขัดภาพวงจรปิด ลั่นพร้อมดินหน้าเอาผิดกำนันนก เรื่องทุจริตต่อไป
วันนี้ (17 ก.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยความคืบหน้าคดียิงสารวัตรแบงค์ สารวัตรทางหลวงเสียชีวิตภายในบ้านพักนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ซึ่งมือยิงคือนายหน่อง ได้ถูกวิสามัญไปแล้ว และเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจถึงการเปลี่ยนแปลงในวงการสีกากีหลังจากเกิดประเด็นใหญ่ที่พัวพันไปถึงส่วยรถบรรทุกและการฮั้วประมูลโครงการรัฐมูลค่าหลายพันล้านบาท
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยว่า วันนี้ทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัส ผบ.ตร.ได้มีการสั่งการให้โอนคดีกลับไปกองปราบปราม เพื่อคลี่คลายคดีอย่างละเอียดตามที่เป็นข่าวไปแล้วในช่วงเช้า ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงนามโอนสำนวนทั้ง 2 เรื่อง คือ เรื่องคดีกำนันนก สั่งการให้ยิงสารวัตรแบงค์ และเรื่องคดีทุจริตตำรวจทั้ง 6 นาย ไปที่กองปราบปรามแล้ว ตอนนี้มีตำรวจ 14 นาย ที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมนั้นจะมีการสรุปอีกครั้งกับกองปราบปราม โดยจะเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (18 ก.ย.) วันนี้ทาง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้มีการแจ้งข้อกล่าวหาที่กองปราบไม่ให้แจ้งที่นี่ โดยดำเนินไปตามกรอบของกฎหมาย
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าในส่วนของการติดตามเส้นทางการเงินจะทำงานสืบสวนร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ต่อไป ส่วนการแจ้งความในมาตรา 157 นั้นจะมีส่วนของกองบังคับการกองปราบปรามเป็นผู้สรุปว่าจะมีใครบ้าง ซึ่งที่กองปราบจะมีการแถลงในเวลา 14.00 น. สำหรับกรณีที่ผู้กำกับ สน.พญาไท ที่ให้การว่ามีการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บนั้นในการให้การสวนทางกับภาพในกล้องวงจรปิด
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการสอบปากคำตำรวจทั้งหมดได้สอบเสร็จสิ้นไปแล้วตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน ซึ่งมีการตอบไปแล้วหลายรอบ ซึ่งส่วนของคดียิงสารวัตรแบงค์ มีการยืนยันว่านายหน่อง เป็นคนยิง และกำนันนก นั้นตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์แล้วเป็นตัวจริง ซึ่งในส่วนที่ตนเองดูแลจะมีการเชิญู 6 หน่วยงานมาทำการติดตามคดีเกี่ยวกับเส้นทางทางการเงิน รวมถึงธุรกิจและการฮั้วประมูลที่ได้โครงการรัฐไปถึง 1 พันกว่าโครงการ และมีหลายโครงการที่มีราคาต่ำกว่าราคากลางถึง 30 เปอร์เซ็นต์ โดยจะมีการดำเนินการต่อไป