ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - คณะ กก.สมาคมพืชสวนโลกระหว่างประเทศลงพื้นที่ตรวจความพร้อมโคราช พิจารณาเป็นเจ้าภาพจัดมหกรรมพืชสวนโลก 2029 ขนาดใหญ่ที่สุดระดับ A1 คาดใช้งบฯ จัดงาน 4,280 ล้าน ทำโคราชเงินสะพัด 18,000 ล้าน ขณะนายก ส.ท่องเที่ยวเขาใหญ่ระบุเป็นการลงทุนคุ้มค่า ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าโคราชติดอันดับโลกเหมือนเชียงใหม่ได้แน่
วันนี้ (12 ก.ย.) ที่ห้องประชุมลำตะคอง ชั้น 3 โรงแรมแคนทารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา คณะกรรมการสมาคมพืชสวนโลกระหว่างประเทศ หรือ AIPH Sie inspection นำโดย Mr. Leonado Capitanio ประธานคณะกรรมการพืชสวนโลก พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่รับฟังข้อมูลจากตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เพื่อพิจารณาการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก จ.นครราชสีมา พ.ศ. 2572 หรือ Korat Expo 2029
มี นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ให้การต้อนรับ และมีผู้ร่วมประชุม ซึ่งเป็นตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เช่น นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, นายชรินทร์ ทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, นางอรจิรา ศิริมงคล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครราชสีมา, นายสุรพันธ์ ศิลปะสุวรรณ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนครราชสีมา, ปลัดจังหวัด, ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด, อธิการบดีมหาวิทยาลัย 4 แห่ง (ม.เทคโนโลยีสุรนารี, ม.ราชภัฏนครราชสีมา, มทร.อีสาน, ม.วงษ์ชวลิตกุล) สาธารณสุขจังหวัด, ที่ดินจังหวัด, เกษตรจังหวัด, โยธาธิการและผังเมืองจังหวัด, ชลประทานจังหวัด, พาณิชย์จังหวัด, หอการค้าจังหวัดนนครราชสีมา, อบจ.นครราชสีมา, สมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ และภาคเอกชนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ร่วมประชุมกว่า 500 คน
คณะกรรมการสมาคมพืชสวนโลกระหว่างประเทศมีกำหนดการเดินทางมาตรวจสอบความพร้อมของ จ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 12-14 ก.ย. 66 เพื่อนำข้อมูลไปประกอบการพิจารณาในการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก พ.ศ. 2572 โดยวันนี้ (12 ก.ย.) จะเป็นการรับฟังข้อมูลจากหลายภาคส่วน วันที่ 13 ก.ย. จะลงพื้นที่ Expo Site ที่ อ.คง จ.นครราชสีมา ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่จัดงานมหกรรมพืชสวนโลก พ.ศ. 2572 และวันที่ 14 ก.ย. จะมาสรุปเนื้อหาการลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมที่ อ.เมืองนครราชสีมา ก่อนนำเสนอรอบสุดท้ายร่วมกับประเทศต่างๆ ที่เสนอตัวจัดอีกครั้งในช่วงต้นปี 2567
สำหรับงานมหกรรมพืชสวนโลก พ.ศ. 2572 ที่ทาง จ.นครราชสีมาเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานในครั้งนี้ เป็นงานมหกรรมพืชสวนโลกขนาดใหญ่ที่สุด ระดับ A1 หรือ World Horticultural Exhibition มีระยะเวลาจัดงานรวมทั้งสิ้น 110 วัน ระหว่างวันที่ 10 พ.ย. 72-28 ก.พ. 73 โดยเลือกสถานที่จัดงานในพื้นที่ป่าสาธารณะประโยชน์โคกหนองรังกา ต.เทพาลัย อ.คง จ.นครราชสีมา เนื้อที่กว่า 678 ไร่ มีผู้รับผิดชอบจัดงาน ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, จังหวัดนครราชสีมา และ สสปน. ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณในการจัดงานประมาณ 4,280 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาในการจัดงานมีมูลค่าจีดีพีกว่า 9,163 ล้านบาท สร้างการจ้างงานกว่า 36,003 อัตรา และรายได้จากการเก็บภาษีกว่า 3,429 ล้านบาท ทำให้จังหวัดนครราชสีมาเกิดรายได้สะพัดกว่า 18,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
ด้าน น.ส.พันชนะ วัฒนเสถียร นายกสมาคมท่องเที่ยวเขาใหญ่ กล่าวว่า วันนี้ตนเป็นหนึ่งในตัวแทนด้านการท่องเที่ยวของ จ.นครราชสีมา ได้ทำการนำเสนอเรื่อง Why Korat หรือทำไมต้องเป็นโคราช เพื่อให้คณะกรรมการสมาคมพืชสวนโลกระหว่างประเทศเห็นภาพรวมของภูมิศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม และความร่วมมือของทุกภาคส่วน ว่าเราพร้อมร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานอย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งความโดดเด่นของโคราชที่เสนอตัวครั้งนี้เป็นประเทศเดียวที่เสนอพืชสวนที่เป็นพืชเมืองร้อน ขณะที่ประเทศอื่นๆ ที่เป็นคู่แข่งเสนอตัวจัดงาน ซึ่งขณะนี้ทราบว่ามีอย่างน้อย 3 ประเทศ เขาเน้นไปที่พืชสวนเมืองหนาว
ประกอบกับการไปจัดที่ อ.คง ซึ่งเป็นพื้นที่แห้งแล้ง ดินเค็ม จะเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก ต้องใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อนำเสนอการเพาะปลูกพืชเมืองร้อนให้ชาวโลกได้เห็นว่าเติบโตได้ดีแม้ในพื้นที่แห้งแล้ง และดินเค็ม ถือว่าเป็นกรณีตัวอย่างที่ทั่วโลกต้องจับตาดู ซึ่งเรามีนักวิจัยจำนวนมากจาก 4 มหาวิทยาลัยในพื้นที่ที่มีผลงานวิจัยพืชกว่า 300 โครงการ มาร่วมทำงานด้วย มีบริษัทเอกชนใหญ่ๆ ที่ผลิตอาหาร ทั้งพืช สัตว์ และเมล็ดพันธุ์พืช มาโชว์นวัตกรรมใหม่ๆ อีกด้วย
ทั้งนี้ รัฐบาลชุดปัจจุบันได้เน้นใช้การท่องเที่ยวเพื่อสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจของประเทศ แต่ขณะเดียวกัน จ.นครราชสีมามีนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวต่างชาติเข้ามาปีละเพียง 2% เท่านั้น และภาคอีสานก็มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวน้อยกว่าทุกภาคของประเทศไทยเช่นกัน ดังนั้น ถ้าโคราชได้เป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก ก็จะเป็นการเปิดเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ให้ชาวต่างชาติได้รับรู้และเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.นครราชสีมา และจังหวัดอื่นๆ ในภาคอีสานด้วย
ส่วนกรณีที่ จ.อุดรธานี ได้มีการขอเพิ่มงบประมาณจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกอีก 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขอเพิ่มมากกว่าเท่าตัว จนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี รู้สึกไม่พอใจนั้น น.ส.พันชนะ กล่าวว่า ตอนนี้ทาง จ.นครราชสีมาไม่รู้สึกกังวลใจอะไรกับเรื่องงบประมาณ เพราะงานมหกรรมพืชสวนโลก จ.อุดรธานีนั้น เป็นไซส์ B แต่ของ จ.นครราชสีมาเป็นไซส์ A1 ซึ่งเป็นมหกรรมพืชสวนโลกที่ใหญ่ที่สุดในโลก เหมือนที่ จ.เชียงใหม่เคยจัดเมื่อปี 2552 แต่ตอนนี้ทาง จ.นครราชสีมา ขอทำหน้าที่นำเสนอข้อมูลให้ดีที่สุดก่อน เพราะจะต้องนำไปเสนออีกครั้งที่ประเทศเกาหลีปีหน้า ก่อนที่คณะกรรมการสมาคมพืชสวนโลกระหว่างประเทศจะพิจารณาตัดสินว่าเราจะได้จัดหรือไม่
หาก จ.นครราชสีมาได้จัดมหกรรมพืชสวนโลก 2572 เม็ดเงินการลงทุนจะมีความคุ้มค่ามาก เพราะเศรษฐกิจการท่องเที่ยวถือว่าเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจไทย ซึ่งตัวเลขครึ่งปีนี้ก็เป็นไปตามเป้า มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาทะลุ 20 ล้านคนแล้ว แม้ว่านักท่องเที่ยวจีนจะมาน้อย แต่เราเคยมีบทเรียนจากการจัดมหกรรมพืชสวนโลกที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อปี 2552 แล้ว ซึ่งขณะนั้นหากจำไม่ผิดลงทุนจัดงานไปประมาณ 2,400 ล้านบาท แต่มีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้ามากว่า 23,000 ล้านบาท มีกำไรจากการลงทุนมากกว่า 822% และเป็นการปักธงให้ จ.เชียงใหม่ติดท็อปเท็นของโลก และกลายเป็น world destination มาได้จนถึงทุกวันนี้