หลังจากการแพร่ระบาดอย่างหนักของโควิด-19 วัดบางกุ้ง เงียบเหงาไป แต่ในช่วงนี้สถานการณ์คลี่คลาย นักท่องเที่ยวได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง แต่หากจะเปรียบเทียบกันกับอดีต ถือว่ายังไม่คึกคักเท่าที่เท่าควร แต่ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีคนมาขอพรแล้วถูกรางวัลที่ 1 ทำให้วัดบางกุ้งกลับมาฮือฮาอีกครั้ง
โดยเฉพาะช่วงวันหยุด และวันที่ใกล้หวยออก จะมีนักท่องเที่ยวสายมูเดินทางมาไม่ขาดสายทั้งกลางวัน กลางคืน ล่าสุดช่วงวันหยุดยาวเทศกาลเข้าพรรษาซึ่งใกล้วันหวยออก วันที่ 31 ก.ค.66 นักท่องเที่ยวเดินทางมาสักการะกราบไหว้ขอพรหลวงพ่อนิลมณี กันอย่างคึกคัก ทุกคนมากันอย่างมีความหวัง
สำหรับความเป็นมาของวัดบางกุ้งนั้นย้อนไปในอดีตได้กว่า 200-300 ปี เป็นวัดเก่าเก่า ตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทรสงคราม ในตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที สันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้น ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ประวัติมีอยู่ว่า วัดบางกุ้งถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ตอนปลายกรุงศรี เป็นวัดสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทย เมื่อปี 2308 กองทัพทหารพม่ายกทัพเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าเอกทัศน์จึงสั่งให้หัวเมืองปักษ์ใต้ยกทัพเรือมาตั้งค่ายที่วัดแห่งนี้และได้สร้างกำแพงกำแพงล้อมวัดบางกุ้ง ที่ตำบลบางกุ้ง เมืองสมุทรสงคราม เพื่อป้องกันการบุกของทหารพม่า ชาวบ้านจึงเรียกว่า “ค่ายบางกุ้ง”
ต่อมา กองทัพพม่าได้ล่องเรือยกทัพมาตามแม่น้ำแม่กลอง และบุกมาจนถึงค่ายบางกุ้ง แต่เนื่องจากจำนวนทหารที่มากกว่ากองทัพของกรุงศรีอยุธยาไม่สามารถสู้ได้ ค่ายบางกุ้งจึงแตกพ่ายไปในที่สุด หลังจากกรุงศรีแตกในปี 2310 วัดบางกุ้งได้ถูกทิ้งร้างไปนานหลายปี ต่อมาเมื่อพระเจ้าตกสินมหาราช ได้สถาปนากรุงธนบุรีเสร็จ ท่านจึงโปรดให้คนจีนรวมพรรคพวกเพื่อตั้งเป็นกองทหารเพื่อคอยเฝ้ารักษาค่ายบางกุ้ง ซึ่งต่อมาชาวบ้านจึงได้เรียกอีกหนึ่งชื่อว่า “ค่ายจีนบางกุ้ง”
หลังจากเสียกรุงศรีไปประมาณ 8 เดือน ในปี 2311 กองทัพทหารพม่า นำโดยเจ้าเมืองทวายได้ยกพลทางบก และทัพเรือเพื่อมาล้อมค่ายบางกุ้งอีกครั้ง แต่ทหารจีนสู้ไม่ถอยจนป้องกันค่ายบางกุ้งไว้ได้ ถึงแม้จะมีกำลังทหารที่น้อยกว่า ต่อมาเจ้าเมืองสมุทรสงคราม จึงส่งหนังสือกราบทูลพระเจ้าตาก ที่กรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ทราบเรื่องจึงจัดกองทัพใหญ่ยกทัพมาตีกองทัพพม่าจนแตกพ่ายไป เมื่อเวลาผ่านไปอีก 6 ปี ในปี 2317 พระเจ้าตากได้นำทัพเรือออกเดินทางไปตำบลบางแก้ว จังหวัดราชบุรี และได้แวะหยุดพักกินอาหารกลางวันที่ค่ายบางกุ้งแห่งนี้ จัดได้ว่าวัดบางกุ้งนั้นมีประวัติและเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นบ่อยครั้งในประวัติศาสตร์ชาติไทย
นอกเหนือจากประวัติความเป็นมาแล้ว วัดบางกุ้งมีความโดดเด่นที่พระอุโบสถเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 200 ปี ซึ่งถูกรากไม้ขนาดใหญ่ปกคลุมทั้งหลังโดยต้นโพธิ์ ต้นไทร และต้นกร่าง จนถูกจัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและอันซีนของประเทศไทย ที่ไม่ว่าคนไทยหรือชาวต่างชาติมาเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา จะต้องแวะมาไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอพรก่อนเดินทางต่อ ตัวอาคารพระอุโบสถถูกสร้างขึ้นจากอิฐและปูน ไม่ปรากฏช่อฟ้าใบระกาดั่งเช่นวัดไทยอื่นๆ ซึ่งมักมีเครื่องลำยอง ภายในโบสถ์มี “หลวงพ่อนิลมณี” มีอีกนามว่า “หลวงพ่อดำ” หรือ “หลวงพ่อโบสถ์น้อย” ที่ชาวแม่กลองเรียกกันสถิตอยู่ภายใน
ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทรงปางมารวิชัยขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าถูกสร้างขึ้นตอนปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ยิ่งไปกว่านี้ภายในยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่ บอกเร่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ นอกเหนือจากโบสถ์เก่าแก่แล้ว วัดแห่งนี้ยังมีจุดเด่นที่มีการจำลองรูปปั้นนักมวยไทยในท่าการต่อสู้ต่างๆ และมีเครื่องบินเก่านำมาตั้งโชว์เป็นมุมถ่ายรูปให้นักท่องเที่ยวแวะเก็บภาพเป็นที่ระลึก ยิ่งไปกว่านั้นทางวัดมีสวนสัตว์ขนาดเล็กตั้งอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง ของวัดบางกุ้ง มีสัตว์หลากหลายชนิด เช่น กวาง ลิง ม้า อูฐ ปลาช่อนอเมซอน เต่า ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้กันอีกด้วย