xs
xsm
sm
md
lg

กรมโยธาธิการฯ ขับเคลื่อน DPT Change for Good ร่วมฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรดิน จ.สุพรรณบุรี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สุพรรณบุรี - กรมโยธาธิการและผังเมือง ขับเคลื่อน DPT Change for Good จัดกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรดิน จ.สุพรรณบุรี

นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้ในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรดิน เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปี การประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนประเทศไทยที่ยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “อาหารก่อกำเนิด เกิดจากดิน” (Soils, Where food begins) และในโอกาสวันดินโลก เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมี นายปริญญา เขมะชิต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ให้การต้อนรับ นายสุวิทย์ เถื่อนน้อย นายชาญวิชญ์ สิริสุนทรานนท์ ผู้ตรวจราชการกรมโยธาธิการและผังเมือง นายมีโชค นัฏสถาพร โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดสุพรรณบุรี นายพรพนม บัวชื่น ผู้อำนวยการกองบูรณะและบำรุงรักษา นายไพโรจน์ ประสิทธิ์นอก ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินสุพรรณบุรี

พร้อมด้วยผู้บริหารกรมโยธาธิการและผังเมือง นายอำเภอสองพี่น้อง ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ร่วมงาน ซึ่งภายในกิจกรรมประกอบไปด้วย นิทรรศการการทำปุ๋ยหมักจากผักตบชวา กิจกรรมสาธิตการทำปุ๋ยหมักจากผักตบชวา กิจกรรมปลูกต้นไม้และสาธิตการห่มดิน พร้อมมอบปุ๋ยหมักจากผักตบชวา สารเร่ง ซูเปอร์ พด.1 พด.2 และ พด.6 ให้ผู้ร่วมงาน ณ ศูนย์บริการและซ่อมบำรุง กองบูรณะและบำรุงรักษา กรมโยธาธิการและผังเมือง ตำบลบางตะเคียน อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี

นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง กล่าวว่า เนื่องด้วยกระทรวงมหาดไทยได้ประกาศเจตนารมณ์การขับเคลื่อนประเทศไทยที่ยั่งยืนร่วมกับองค์การสหประชาชาติ (UN) เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2565 ประกอบกับทุกจังหวัดได้ประกาศเจตนารมณ์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรดิน จึงได้กำชับทุกหน่วยงานในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ดำเนินการขับเคลื่อน DPT Change for good สู่ความยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “อาหารก่อกำเนิด เกิดจากดิน” (Soils, where food begins) เนื่องในโอกาสวันดินโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี และได้กำหนดให้เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2566 เป็นเดือนแห่งการสร้างความตระหนักรู้ (Awareness Month) เพื่อแสดงออกถึงเจตนารมณ์ในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรดินที่เป็นรูปธรรม กรมโยธาธิการและผังเมือง ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการร่วมกันเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน จึงได้จัดกิจกรรมการทำปุ๋ยหมักจากผักตบชวา ซึ่งเป็นการนำผักตบชวาที่เป็นปัญหากีดขวางแม่น้ำลำคลอง มาใช้ประโยชน์ตามแนวทาง Change for good ในการเปลี่ยนขยะในแม่น้ำ สู่การบำรุงรักษาดินอย่างยั่งยืน

ในการนี้ กรมฯ ได้จัดนิทรรศการให้ความรู้เรื่องการทำปุ๋ยหมักจากผักตบชวา พร้อมสาธิตวิธีการเพื่อให้ประชาชนที่เข้าร่วมได้มีความรู้ความเข้าใจ สามารถนำสูตรการทำปุ๋ยหมักกลับไปปรับสัดส่วนตามความเหมาะสมและนำไปต่อยอดในพื้นที่การเกษตรได้ด้วยตนเอง โดยใช้ผักตบชวา มูลสัตว์ และสารเร่ง ซูเปอร์ พด.1 เริ่มต้นด้วยขั้นตอนที่ 1 คือนำผักตบชวาที่ผึ่งไว้แล้ว 2 สัปดาห์มากองให้สูง 30-40 เซนติเมตร ย่ำให้พอแน่นและรดน้ำให้ชุ่ม ขั้นตอนที่ 2 นำมูลสัตว์โรยที่ผิวหน้าผักตบชวา ขั้นตอนที่ 3 ผสมสารเร่งซูเปอร์ พด. 1 จำนวน 1 ซองผสมน้ำ 20 ลิตร คนให้เข้ากัน 10-15 นาที จากนั้นนำมาราดใส่กองปุ๋ยหมัก ขั้นตอนที่ 4 นำผักตบชวา มูลสัตว์ มากองทับอีก 2-3 ชั้น และราดด้วยน้ำผสมสารเร่งซูเปอร์ พด.1 ทีละชั้น ขั้นตอนที่ 5 นำผักตบชวาปิดทับที่ชั้นบนสุด เพื่อป้องกันการสูญเสียความชื้น และหมักต่อไปเป็นเวลา 2 เดือน

โดยจะต้องกลับกองปุ๋ยหมักทุก 15 วัน เพื่อเป็นการระบายอากาศ เพิ่มออกซิเจน และช่วยให้วัสดุคลุกเคล้าเข้ากัน ในกรณีที่กองปุ๋ยหมักเกิดการทับถมและมีกลิ่นเหม็น ให้ใช้น้ำหมักชีวภาพที่ผลิตจากสารเร่งซูเปอร์ พด.2 หรือ ซูเปอร์ พด.6 จำนวน 1 ซองผสมน้ำ 10 ลิตร ฉีดพ่นในระหว่างการหมักทุกวัน จนกว่ากลิ่นจะหายไป เมื่อปุ๋ยหมักเสร็จสมบูรณ์แล้ว สีของวัสดุเศษพืชจะมีสีน้ำตาลเข้มจนถึงดำ ลักษณะของวัสดุเศษพืชจะมีลักษณะอ่อนนุ่ม ยุ่ย ไม่มีกลิ่น และอุณหภูมิภายในและภายนอกกองปุ๋ยจะใกล้เคียงกัน สังเกตจากการเจริญเติบโตของพืชบนกองปุ๋ยหมัก

จากนั้นจึงจะสามารถนำไปเก็บรักษาไว้ในโรงเรือน หลบแดดและฝนได้ โดยประโยชน์ของปุ๋ยหมักจากผักตบชวามีอินทรียวัตถุ ทำให้ดินร่วนซุย รากพืชเจริญเติบโต มีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อพืช ทำให้ต้นพืชเจริญเติบโตได้ดี สามารถดึงคาร์บอนในอากาศกลับสู่ดิน ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งกรมฯ จะนำปุ๋ยหมักที่ได้จากการสาธิตในครั้งนี้มาแจกจ่ายให้ส่วนงานและบุคลากรภายในกรมได้ทดลองใช้เป็นกลุ่มแรก

สำหรับกิจกรรมปลูกต้นไม้และสาธิตการห่มดิน ท่านอธิบดีได้ปลูกต้นมะม่วง และปฏิบัติตามวิทยากรในการสาธิตวิธีการห่มดิน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีการในการฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรดินได้เป็นอย่างดี สามารถป้องกันการระเหยของความชื้นที่อยู่ในดินและเป็นที่อาศัยของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ป้องกันการเจริญเติบโตของวัชพืชในแปลงปลูก เพิ่มอินทรียวัตถุให้ดิน หรือเป็นการปรับปรุงดินก่อนการเพาะปลูก ทั้งยังทำให้จุลินทรีย์ในดินมีความอุดมสมบูรณ์ ถ้าเปลือยดินไว้อาจทำให้จุลินทรีย์ตาย ต้นไม้เจริญได้ไม่ดีพอ ซึ่งโดยปกติการ “ห่มดิน” หรือ “คลุมดิน” จะใช้ฟาง เศษหญ้า หรือใบไม้ที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ในครั้งนี้กรมฯ ได้เลือกใช้ผักตบชวา วัชพืชน้ำที่สามารถกักเก็บความชื้นได้ดีมาห่มดินรอบโคนต้นไม้ ถือเป็นการหมุนเวียนทรัพยากรให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด










กำลังโหลดความคิดเห็น