เชียงราย - แสบซ้ำแสบซ้อนจริงพวกนี้..ตร.-ตม.เชียงแสนซ้อนแผนรวบคาโรงพัก แก๊งขนคนจีนข้ามโขงขึ้นฝั่งไทย อ้างเป็นตำรวจยศ “พ.ต.ท.-เลขาฯ รอง ผบ.ตร.” หอบเงินสด 800,000 จ่ายสินบนแลกปล่อยตัว 4 หนุ่มจีนลอบเข้าสามเหลี่ยมทองคำ
กรณีทหารพราน ร้อย.ทพ.3102 ฉก.ทพ.31 กองกำลังผาเมือง ตำรวจ สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย และ ตม.เชียงแสน พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จับกุมหนุ่มเชียงแสน วัย 18 ปี พร้อมชาวจีน 4 คน คือ นาย Neng Yong Hua อายุ 22 ปี นาย Long Tei อายุ 28 ปี นาย Peng Chuan Zhi อายุ 26 ปี และ น.ส. Long Ru อายุ 32 ปี ดำเนินคดีในข้อหานำพา และหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เมื่อเย็นวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น
ต่อมา ว่าที่ พ.ต.อ.ชินกร อัศวภูมิ ผกก.ด่าน ตม.เชียงแสน ร่วมกับ พ.ต.อ.ถนัด ชุ่มมะโน ผกก.สภ.เชียงแสน สั่งการให้ชุดสืบสวนปราบปรามของด่าน ตม.เชียงแสน และชุดสืบสวนของ สภ.เชียงแสน ขยายผลไปถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ระหว่างนั้นได้มีคนเป็นเลขานุการของรอง ผบ.ตร.คนหนึ่ง ติดต่อเจ้าหน้าที่ขอจ่ายเงินสด 800,000 บาท แลกการปล่อยตัวชาวจีนทั้งหมด
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ซ้อนแผนให้บุคคลดังกล่าวนำเงินสดไปมอบให้ที่ สภ.เชียงแสน กระทั่งมีชายหญิงรวม 4 คน ทราบชื่อต่อมาคือ นายสุนฉ่าย (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ชาว อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ นายพีระพล (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี มีภูมิลำเนาอยู่แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ นายรัชต์ธพงศ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ชาว ต.เมืองแก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ และ น.ส.ธัฐธิดา (สงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี ชาว อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี นำเงินสด 800,000 บาท เดินทางไปพบกับเจ้าหน้าที่ตามนัดหมาย
ทั้งนี้ หนึ่งในกลุ่มคนดังกล่าวพกวิทยุสื่อสารอ้างว่าเป็นตำรวจยศ พ.ต.ท.มีตำแหน่งเป็นเลขานุการรอง ผบ.ตร.ที่มีการอ้างชื่อ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่านายตำรวจที่มียศ พ.ต.ท.ดังกล่าวปัจจุบันได้รับการเลื่อนยศเป็น พ.ต.อ.แล้ว ทำให้ทราบว่าเป็นการแอบอ้างชื่อตำรวจ สภ.เชียงแสน และด่าน ตม.เชียงแสน จึงได้ร่วมกันจับกุมทั้งหมดเอาไว้
พร้อมตั้งข้อหาว่า "ร่วมกันติดสินบนเจ้าพนักงาน ไม่ว่าจะเป็นการให้ทรัพย์สินเพื่อจูงใจให้ปล่อยตัวหรือเปลี่ยนข้อหาก็ล้วนแต่เป็นการจูงใจให้กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144" และกรณีนายรัชต์ธพงศ์ตั้งข้อหาเพิ่มเติมว่า "แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็นเจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงาน" และ "ใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาต" จากนั้นนำตัวทั้งหมดดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป