นครพนม - จ.นครพนมเตรียมจัดใหญ่งานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช 7-13 ก.ค.นี้ สืบตำนานความศรัทธาชาวลุ่มน้ำโขงที่มีต่อพญานาค เผยตลอดการจัดงาน 7 วัน 7 คืนดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าท่องเที่ยวนครพนมได้จำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม (หลังใหม่) นายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานการประชุมหารือการจัดงานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราชประจำปี 2566 เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดงานบวงสรวงพญาศรีสัตตนาคราช ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 7-13 กรกฎาคม 2566 ณ บริเวณลานพระยาศรีสัตตนาคราช ถนนสุนทรวิจิตร ต.ในเมือง ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมีกิจกรรมรำบวงสรวง 7 วัน พร้อมถือเป็นวันรวมชนเผ่าไทยนคร 9 ชนเผ่า 2 เชื้อชาติ โดยนางรำจำนวนมากมาจากทั้ง 12 อำเภอของจังหวัดนครพนม
พญาศรีสัตตนาคราช เป็นแลนด์มาร์กของจังหวัดนครพนม ประดิษฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เทศบาลเมืองนครพนม ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมและความเชื่อเกี่ยวกับพญานาคของชาวไทยและชาวลาวที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลปักปักรักษาแถบลุ่มน้ำโขง รักษาพุทธศาสนาและองค์พระธาตุพนม ทั้งเป็นการยกระดับแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนมเพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง
โดยองค์พญาศรีสัตตนาคราชเป็นตระกูลพญานาคที่สืบสายพันธุ์มาแต่ครั้งพุทธกาล มีความใกล้ชิดพระพุทธองค์ และพระพุทธศาสนา จนอาจถือเป็นต้นตระกูลแห่งพญานาคทั้งหลายทั้งปวง ซึ่งองค์พญาศรีสัตตนาคราชที่จังหวัดนครพนมจัดสร้างขึ้นจะหล่อด้วยทองเหลือง น้ำหนักรวม 9,000 กก. มีลักษณะเป็นพญานาค 7 เศียร พ่นน้ำได้ ขดตัวอยู่บนแท่นฐานแปดเหลี่ยม ที่มีขนาดความกว้าง 6 เมตร ความสูงรวมฐาน 15 เมตร
ตำนานพญานาค เป็นความเชื่อในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งชาวพุทธจะมีเรื่องที่ถูกเล่าขานต่อกันมาอย่างยาวนาน ทั้งในพุทธประวัติและเรื่องราวของเกจิอาจารย์ โดยพญานาค หรือนาค มีภาษาอังกฤษ คือ King of Nagas มีรูปร่างลักษณะเป็นงูตัวใหญ่ มีหงอนสีทอง และตาสีแดง เกล็ดเหมือนปลา มีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมีที่สื่อถึงความยิ่งใหญ่ มีบุญวาสนาและความอุดมสมบูรณ์ ส่วนลักษณะตามความเชื่อในแต่ละภูมิภาคจะมีความแตกต่างกันไป
ที่สำคัญคือ พญานาคที่เป็นตระกูลธรรมดาจะมีเศียรเดียว แต่หากเป็นตระกูลที่สูงกว่านั้นจะมีสามเศียร ห้าเศียร เจ็ดเศียร หรือเก้าเศียร ซึ่งพวกนี้จะสืบเชื้อสายมาจาก พญาเศษนาคราช (อนันตนาคราช) ผู้เป็นบัลลังก์ของพระวิษณุนารายณ์ปรมนาท ณ เกษียรสมุทร ที่มีกายใหญ่โตมหึมามีความยาวไม่สิ้นสุด มี 1,000 เศียร มีอิทธิฤทธิ์สามารถบันดาลให้เกิดคุณและโทษได้ ทั้งสามารถจะแปลงร่างเป็นเทพบุตรหรือเทพธิดาที่มีรูปร่างสวยงามได้
ส่วนการเกิดของพญานาค จะสามารถเกิดได้ 4 แบบ คือเกิดแบบโอปปาติกะ เกิดแล้วโตทันที เกิดแบบสังเสทชะ เกิดจากเหงื่อไคล สิ่งหมักหมม เกิดแบบชลาพุชะ เกิดจากครรภ์ และเกิดแบบอัณฑชะ เกิดจากฟองไข่ ซึ่งในลุ่มน้ำโขงเชื่อว่าการเกิดมาเป็นแม่น้ำโขงเกิดจากการแถตัวของพญานาค เนื่องจากพญานาคเป็นเจ้าบาดาลเป็นผู้ให้กำเนิดน้ำ
โดยชาวไทยริมฝั่งโขงเชื่อว่า พญาศรีสุทโธนาคราช (นาคาธิบดีสีสุทโธ) เป็นกษัตริย์แห่งพญานาค ส่วนชาวลาวเชื่อว่าพญาศรีสัตตนาคราช (นาคาธิบดีสีสัตตนาคบาดาล) เป็นกษัตริย์แห่งพญานาค ซึ่งพญานาคทั้ง 2 องค์จะชอบมาจำศีลบำเพ็ญเพียร และปฏิบัติธรรมที่วัดพระธาตุพนม ทำให้กลายเป็นเพื่อนสนิทกันและคอยดูแลปกปักรักษาผู้คนในแถบลุ่มน้ำโขงและองค์พระธาตุพนม