“ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช” โพสต์เฟซบุ๊ก ประกาศปิดวัดพระธาตุพนม 1 เดือนเพื่อจัดระเบียบ ตั้งแต่ 5 พ.ค. 66 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะจัดระเบียบให้เสร็จเรียบร้อย ทั้งนี้เพื่อเดินหน้าสู่มรดกโลก งานนี้ชาวเน็ตต่างสนับสนุนเต็มที่ หลังที่ผ่านมามีพ่อค้า แม่ค้า ไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบของทางวัด รุกล้ำพื้นที่เข้ามามากเกินไปตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปทั่วประเทศ อย่างไรก็ดีนี่เป็นการปิดวัดบางส่วนเพื่อจัดระเบียบดังกล่าว แต่ทางวัดยังคงเปิดให้เข้าสักการะองค์พระธาตุพนมได้ตามปกติ
ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม/ไวยาวัจกร/ประธานคณะกรรมการบริหารฯ/ประธานบริหารภายใน-ภายนอก วัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร โพสต์เฟซบุ๊กแฟนเพจบัญชีรายชื่อ ทนาย อนันต์ชัย ไชยเดช ประกาศปิดวัดพระธาตุพนมเพื่อทำการจัดระเบียบ ดังนี้
ประกาศ #ปิดวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร 1 เดือน
เนื่องจาก วัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร จะขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่มีพ่อค้า แม่ค้า ช่างถ่ายภาพ หาบเร่ แผงลอยจำนวนมากเข้ามาขายสินค้าต่าง ๆ โดยไม่ได้ปฏิบัติตามระเบียบของทางวัด ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวาย และไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยทั้งบริเวณภายใน - ภายนอก ของวัดซึ่งเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปทั่วประเทศ
ด้วยเหตุนี้ ทางวัดจึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดระเบียบการบริหารทั้งภายใน-ภายนอกใหม่ทั้งหมด จึงขอปิดวัดเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นเวลา 1 เดือน นับแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป หรือจนกว่าจะจัดระเบียบให้เสร็จเรียบร้อย
จึงขอประกาศแจ้งมาให้ทุกท่านทราบโดยทั่วกัน
🙏ขออภัยในความไม่สะดวก🙏
ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช
(ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม/ไวยาวัจกร/ประธานคณะกรรมการบริหารฯ/ประธานบริหารภายใน-ภายนอก วัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร)
วันที่ 3 พฤษภาคม 2566
ทั้งนี้หลังทนายอนันต์ชัย โพสต์ประกาศดังกล่าวออกไป ชาวเน็ตส่วนใหญ่ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นชื่นชม เห็นด้วย และสนับสนุนการจัดระเบียบวัด เนื่องจากที่ผ่านมา มีพ่อค้า แม่ค้า รุกล้ำพื้นที่ บดบังทัศนียภาพองค์พระธาตุพนม รบกวนผู้ที่มาไหว้พระธาตุพนม และทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวจนหลายคนเอือมระอา
อย่างไรก็ดีนี่เป็นการปิดวัดบางส่วนเพื่อจัดระเบียบดังกล่าว แต่ทางวัดยังคงเปิดให้เข้าสักการะองค์พระธาตุพนมได้ตามปกติ โดยทางเพจวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ได้โพสต์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า
#ขอชี้แจงเรื่องการปิดวัด
เป็นการปิดวัดเพื่อจัดระเบียบร้านค้าภายในวัดและหน้าวัด แต่ยังเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าสักการะองค์พระธาตุพนมได้ตามปกติ
1. ปิดวัดเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์บางส่วนภายในวัด
2. วัดยังเปิดให้พุทธศาสนิกชนเข้าสักการะองค์พระธาตุพนมได้ตามปกติ ตั้งแต่เวลา 08.00 - 21.00 น.
3. ท่านที่เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล สามารถนำรถไปจอดที่ลานจอดรถหน้าวัดโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
สำหรับที่มาของการประกาศปิดวัดพระธาตุพนมบางส่วน 1 เดือนเพื่อดำเนินการจัดระเบียบดังกล่าว สืบเนื่องมาจาก การที่พ่อค้าแม่ค้ากว่า 100 คน ได้เข้ามาขายของภายนอกและภายในบริเวณวัดพระธาตุพนม โดยเฉพาะบริเวณหน้าประตูทางเข้าวัด อันเป็นการบดบังทัศนียภาพองค์พระธาตุพนม และรบกวนนักท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการแจ้งเตือนจากคณะกรรมการวัด อีกทั้งทางผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และนายอำเภอก็ได้เข้ามาร่วมเจรจาแต่ก็ไม่สำเร็จ ทำให้ประชาชนที่จะเข้ามาสักการะองค์พระธาตุพนมเกิดความยากลำบากที่จะเข้าไปสักการะองค์พระธาตุพนม อีกทั้งสร้างความลำบากให้กับพระภิกษุ สามเณรที่จะปฏิบัติกิจของสงฆ์ อันเป็นการก่อความเดือดร้อนรำคาญเป็นอย่างมาก จึงทำให้ต้องมีการจัดระเบียบวัดพระธาตุพนมใหม่ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น
“วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร" ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม เป็นพระธาตุที่มีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน จนได้รับการยกย่องว่าเป็นพระธาตุที่เก่าแก่มากที่สุดในแว่นแคว้นอีสาน ซึ่งได้ถูกจารึกไว้ในภาพจิตรฝาหนังภายในพระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร
ประวัติการก่อสร้างพระธาตุพนมนั้น ได้ถูกกล่าวไว้ว่า พระธาตุพนมเป็นที่ประดิษฐาน พระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอก) ของพระพุทธเจ้า ที่พระมหากัสสปะเถระได้นำมาประดิษฐานไว้ โดยองค์พระธาตุถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ ประมาณปี พ.ศ. 8 โดยกษัตริย์ห้าองค์คือ พระยาจุฬณีพรหมทัต พระยานันทเสน พระยาอินทปัต พระยาคำแดง และพระยาสุวรรณภิงคาร พร้อมไพร่พล ในส่วนลวดลายที่เรือนธาตุนั้นตำนานเล่าว่าตกแต่งโดยพระอินทร์และเหล่าเทวดา มีแผ่นอิฐที่จำหลักลวดลายเป็นภาพกษัตริย์โบราณ ฝีมือช่างพื้นบ้าน ศิลปะสมัยทวารวดี หรือพุทธศตวรรษที่ 13-15 นับว่าเป็นพระบรมธาตุเจดีย์ที่เก่าแก่ของภาคอีสาน
หลังจากนั้นพระธาตุพนมได้รับการบูรณะและอุปถัมภ์เรื่อยมา จนกระทั่งปี พ.ศ. 2485 วัดพระธาตุพนมฯ ได้รับการยกฐานะเป็น พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร และต่อมาในวันที่ 11 สิงหาคม ปีพ.ศ. 2518 เกิดฝนตกหนักบวกกับความเก่าแก่ขององค์พระธาตุพระธาตุพนมจึงได้ทรุดพังทลายลง นำความเศร้าเสียใจมาสู่พุทธศาสนิกชน แต่ด้วยความศรัทธา องค์พระธาตุพนมจึงได้รับการบูรณะใหม่ซึ่งได้แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2522 โดยในปัจจุบันนั้น องค์พระธาตุมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสก่อด้วยอิฐ กว้างด้านละ 12.33 เมตร สูง 53.6 เมตร มียอดเป็นฉัตรทองคำ และมีกำแพงล้อมองค์พระธาตุ 4 ชั้น
พระธาตุพนม เป็นพระธาตุประจำปีวอก และเป็นพระธาตุประจำวันเกิด ของผู้เกิดวันอาทิตย์ อีกทั้งยังเป็นที่เคารพของพุทธศาสนิกชนมากมายทั่วทั้งสารทิศ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะชาวไทยแต่เพียงเท่านั้น พระธาตุพนมก็ยังได้รับการเคารพจากพุทธศาสนิกชนชาวลาวอีกด้วย
ทั้งนี้ในอนาคตจังหวัดนครพนมกำลังดำเนินการแผนผลักดันให้พระธาตุพนมขึ้นทะเบียนมรดกโลกในอนาคตต่อไป