นครสวรรค์ - ญาติพี่น้องเห็นบาดแผลยังทำใจไม่ได้ ลั่นไม่ให้อภัย-เรียกร้องให้ประหาร..โจ๋ ม.4 มือมีดสปาร์ตายืนจังก้าบนเกาะกลางถนนฟันสาวนครสวรรค์กลับจากเที่ยวงานงิ้วไพศาลีไหล่เกือบขาดดับสยอง เปิดปากรับสารภาพตั้งใจฟัน
วันนี้ (20 มี.ค. 66) นายเอกภณ แจ่มใส นายอำเภอไพศาลี พร้อมด้วย พ.ต.อ.โกสิต กาญจนะโกมล ผกก.สภ.ไพศาลี และทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกันจัดการแถลงข่าวชี้แจงผลการดำเนินคดีการเสียชีวิตของ น.ส.สุวนันท์ แพไม้ หรือโบว์ ที่ถูกนายเปา (นามสมมติ) เยาวชนอายุ 16 ปี นร.ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนในพื้นที่อำเภอท่าตะโก จ.นครสวรรค์ ใช้อาวุธมีดสปาร์ตาฟันจนเสียชีวิต กลางดึกวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา
พ.ต.ท.ชยพัทธ์ กล่ำพารา รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.ไพศาลี ชี้แจงผลการสอบปากคำนายเปา และเพื่อนที่ติดตามจับกุมได้ว่าเป็นการกระทำของนายเปาแต่เพียงผู้เดียว จึงได้แจ้งข้อหานายเปา ฐานฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และส่งตัวฝากขังศาลเยาวชนจังหวัดไปแล้วตั้งแต่เช้าเมื่อวาน (19 มี.ค. 66) ส่วนจะมีการแจ้งข้อหาอื่นด้วยหรือไม่นั้นยังอยู่ในขั้นที่จะต้องสอบปากคำต่อร่วมกับสหวิชาชีพ หากพบว่ามีการกระทำผิดอื่นอีกจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไป
ส่วนกลุ่มเพื่อนนายเปาอีก 14 คนที่ทางตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหา เนื่องจากการสอบปากคำในเบื้องต้นทั้งหมดต่างให้การว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะกว่าจะเห็นเหตุการณ์ก็พบว่านายเปายืนถือมีดดาบยาวอยู่เกาะกลางถนน และฟันเข้าไปโดนร่างของ น.ส.สุวนันท์ ที่กำลังขี่รถสวนมาแล้ว ซึ่งหลังก่อเหตุกลุ่มเพื่อนๆ ของเขายังได้ต่อว่านายเปาว่าไปทำร้ายผู้หญิงทำไม แล้วหลังจากนั้นทั้งนายเปาและกลุ่มเพื่อนก็รีบแยกย้ายกันออกไปจากจุดเกิดเหตุทันทีก่อนที่ทางตำรวจจะไปตามจับตัวได้ทั้งหมดในช่วงเช้า
ด้าน พ.ต.ท.ชินวัฒน์ ปั้นนาค รอง ผกก.สส.สภ.ไพศาลี กล่าวเสริมว่า คดีนี้นายเปาให้การยืนยันว่าเป็นการใช้มีดตั้งใจฟัน น.ส.สุวนันท์ ไม่ใช่เป็นการขว้างมีดไปโดนตามที่เคยปรากฏเป็นข่าวตั้งแต่วันแรก อีกทั้งตัวนายเปาก็ยืนยันว่าไม่เคยรู้จัก หรือเคยมีเรื่องกับ น.ส.สุวนันท์มาก่อน
แต่ชนวนเหตุที่กระทำไปนั้นต้องขอสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะการสอบปากคำในวันแรกทางเจ้าตัวยังให้ข้อมูลไม่แน่ชัด ซึ่งก็ต้องมีการสอบปากคำกลุ่มเพื่อนทั้งหมดอีกครั้งด้วยเช่นกัน แต่ในเบื้องต้นเท่าที่สอบปากคำมองว่าเจ้าตัวน่าจะทำไปตามความคึกคะคอง
เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามเรื่องการตรวจสอบหาสารเสพติดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ พ.ต.ท.ชินวัฒน์ กล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบทุกคนแล้ว พบว่าทั้งหมดผลเป็นลบ ไม่มีใครเสพสารเสพติด ส่วนกรณีดื่มสุรามึนเมา ตอนที่ตำรวจนำตัวทั้งหมดไปตรวจก็พบว่า แอลกอฮอล์ได้เจือจางไปมากแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามต่อกรณีที่ญาติผู้เสียชีวิตบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ทางตำรวจไม่ให้ญาติมาเปิดเผยข้อมูลทางคดีต่อผู้สื่อข่าว จนทำให้ทางญาติรู้สึกไม่มั่นใจกลัวว่าตำรวจจะให้การช่วยเหลือคดีกับทางกลุ่มผู้ก่อเหตุ ปรากฏว่านายอำเภอก็ต้องรีบตัดบท เปิดไมค์พูดสวนขึ้นมาทันทีว่า เรื่องนี้ทางผู้ว่าราชการฯ ได้สั่งเน้นย้ำมาอย่างด่วนจี๋ว่า..ให้เร่งดำเนินคดีเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ฝ่ายผู้เสียหาย และทางตำรวจก็ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเต็มที่อยู่แล้ว
ส่วนเรื่องการเยียวยาช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิต ทางหน่วยงานภาครัฐก็จะมีเงินเยียวยาช่วยเหลือของกระทรวงยุติธรรมอยู่ และทางตำรวจก็จะรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องไปยื่นเรื่องต่อสำนักงานยุติธรรมจังหวัดในการให้ความช่วยเหลือต่อไป
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนายเปา ในพื้นที่หมู่ 9 ต.โคกเดื่อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ ซึ่งทราบว่านายเปาพักอาศัยอยู่กับยายเพียง 2 คน แต่ปรากฏว่าวันนี้บ้านของนายเปาถูกปิดเงียบ ไม่พบตัวยายของนายเปาแต่อย่างใด จึงได้ไปสอบถามญาติละแวกใกล้เคียง โดยอาเขยเปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่ค่อยรู้อะไรเรื่องนายเปามากนัก แต่นายเปาเขาพักอาศัยอยู่กับยาย 2 คน เพราะพ่อกับแม่ของนายเปาหย่าร้างแยกทางกันมานานตั้งแต่นายเปายังแบเบาะโดยพ่อย้ายไปทำงานอยู่ไต้หวัน ส่วนแม่แยกย้ายไปมีครอบครัวใหม่
“ส่วนตัวมองว่านิสัยเขาก็ดีนะ เขาดูนิ่งๆ แต่ชอบออกไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนตอนกลางคืนกลับมาดึกๆ ดื่นๆ และเท่าที่รู้เขาไม่มีพฤติกรรมเรื่องเสพยาเสพติด เพียงแค่ชอบออกไปเที่ยวกลางคืนและดื่มเหล้าเมาเท่านั้น ซึ่งก็รู้สึกตกใจที่ทราบเรื่องว่าเขาไปก่อเหตุอย่างนี้ แต่ก็ไม่ขอออกความเห็นอะไรมากดีกว่า เพราะเป็นญาติห่างๆเท่านั้น”
ขณะที่บรรยากาศของงานศพน้องโบว์ เหยื่อนายเปา-โจ๋มือมีดสปาร์ตา ที่จัดขึ้นที่วัดปล้องโพช ต.สายลำโพง จ.นครสวรรค์ วันนี้เป็นไปด้วยความเงียบเหงา ญาติของน้องโบว์เชื่อคดีจะรับได้รับความเป็นธรรม แต่ยังติดใจ เพื่อนในกลุ่มมือมีดว่ามีส่วนรู้เห็น หรือยุให้ก่อเหตุหรือไม่
นายชาย เลิศเอี่ยม อายุ 52 ปี ตาของน้องโบว์ กล่าวว่า ไม่ให้อภัยมือมีดอย่างเด็ดขาด เพราะก่อเหตุรุนแรงแม้ไม่รู้จักกัน หากมือมีดจะมาขอขมาศพ ตนและญาติๆของน้องโบว์ ไม่ต้อนรับและไม่ให้อภัยอย่างแน่นอน
ด้านนางกรันทย์ แย้มทิพ อายุ 61 ปี ยายของ น.ส.สุวนันท์ กล่าวว่า แม่เขาบอกว่าได้คุยกับทางตำรวจนายหนึ่งให้ข้อมูลว่า กลุ่มเพื่อนของนายเปามีทั้งหมด 14 คน แต่กันตัวไว้เป็นพยานคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเยาวชนเหมือนกันให้การว่าเป็นคนตะโกนห้ามเพียงคนเดียว แต่กลุ่มเพื่อนที่เหลือกับส่งเสียงเชียร์ให้นายเปาเอามีดไปทำร้าย น.ส.สุวนันท์
“ส่วนของนายเปาเท่าที่ทราบ เคยมีประวัติตีต่อยทะเลาะวิวาทเป็นประจำ แต่ไม่เคยไปก่อเหตุฆ่าใครจนตาย ก็มามีครั้งนี้ ฉันเห็นสภาพบาดแผลแล้วยังสยองขนลุกขนพอง และอยากจะคว้ามีดไปฟันให้ตายตามหลานจริงๆ และก็อยากฝากไปถึงหน่วยงานยุติธรรมในคดีนี้ แม้จะเป็นคดีที่เกี่ยวกับเยาวชน แต่ขอให้ดูการกระทำที่ผู้ก่อเหตุโหดร้ายขนาดนี้ ก็ขอให้ลงโทษประหาร เพราะอายุแค่นี้ มันยังกล้าฆ่าคนตายแล้ว หากแค่จำคุกแล้วปล่อยพ้นโทษกลับมา เชื่อว่า คนมันเคยทำ มันก็ยังมีความคิดที่จะก่อเหตุแบบนี้อีกแน่”
ขณะที่นายปลา จันทร์ดาวเพ็ง อายุ 51 ปี พ่อของ น.ส.สุวนันท์ กล่าวว่า ตนยังรู้สึกเสียใจที่ต้องเสียลูกไป และยังไม่ขอพูดอะไรมาก เพราะพูดไม่ออกจริงๆ มันใจสลายมาก ตนเลี้ยงลูกมายังไม่เคยตี แต่ดูพวกมันทำกับลูกตนถึงขนาดนี้ จะไม่ให้อภัยจริงๆ ขนาดเมื่อวานนี้พวกกลุ่มญาติที่ก่อเหตุติดต่อจะมาขอขมาลูกสาว ตนยังไม่ยอมให้มา เพราะมันทำใจไม่ได้จริงๆ