บุรีรัมย์ - โผล่อีกสมาคมฌาปนกิจกลุ่มสตรีแคนดง จ.บุรีรัมย์ เบี้ยวเงินผีเกือบ 30 ศพ โอดเดือดร้อนบางรายตายแล้วเกือบปียังไม่ได้เงินต้องกู้นอกระบบจัดงานศพ งงหนักตายแล้วยังส่งหนังสือเรียกเก็บเงินสงเคราะห์ศพล่วงหน้า ด้านนายกสมาคมฯ แจงค้างค่าทำศพเพราะสมาชิกหลายรายยังไม่ส่งเงินล่วงหน้ารายปีทำให้ขาดสภาพคล่อง
วันนี้ (27 ก.พ.) ทายาทและสมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์กลุ่มสตรีแม่บ้านอำเภอแคนดง จ.บุรีรัมย์ ร่วม 50 คน ได้รวมตัวกันนำเอกสารหลักฐานทั้งมรณบัตร ใบเสร็จการจ่ายเงินสงเคราะห์ศพล่วงหน้ารายปีให้ทางสมาคมฯ ปีละ 2,400 บาท เงินบำรุงสมาคมปีละ 40 บาท และค่าบริจาค-จัดเก็บอีก 1,010 บาท รวมเฉลี่ยปีละ 3,650 บาท ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม ที่หน้าหอประชุมอำเภอแคนดง ซึ่งวันนี้มีการจัดประชุมสามัญใหญ่ประจำปี
โดยทายาทและสมาชิกที่ออกมาร้องเรียนให้ข้อมูลว่าทางสมาคมฯ ค้างค่าจัดการศพสมาชิกที่เสียชีวิตเกือบ 30 ศพ เฉลี่ยศพละ 70,000 บาท ในจำนวนนี้ทายาทบางรายได้รับเงินเพียงบางส่วน แต่บางรายยังไม่ได้แม้แต่บาทเดียว และตามหลักฐานมรณบัตรบางรายเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค. 65 จนถึงปัจจุบันเกือบ 1 ปีแล้วก็ยังไม่ได้ค่าทำศพเลย ทำให้ได้รับความเดือดร้อนต้องไปกู้ยืมเงินนอกระบบมาจัดการศพ ต้องมีหนี้สินเพิ่มอีกทั้งที่ตั้งใจว่าจะได้เงินฌาปนกิจไปใช้จ่ายในการจัดงานศพ พอเวลาสมาชิกไปทวงถามก็แสดงอาการไม่พอใจ อ้างแค่ว่าเก็บเงินจากสมาชิกได้ไม่ครบ ทั้งพยายามหลบเลี่ยงย้ายสำนักงานหนีโดยไม่แจ้งสมาชิกทราบ และที่สร้างความงุนงงมากไปกว่านั้นคือ สมาชิกหลายรายที่เสียชีวิตไปแล้วยังได้รับหนังสือเรียกเก็บเงินสงเคราะห์ศพล่วงหน้าจากคนตายอีก จากกรณีที่เกิดขึ้นจึงอยากให้ทางสมาคมออกมาชี้แจงและเร่งหาเงินค่าจัดการศพที่ค้างมาจ่ายให้ทายาทสมาชิกด้วย
นางบุญศรี ศรีรัตน์ อายุ 52 ปี ชาวบ้านหนองแสง ต.แคนดง หนึ่งในทายาทสมาชิกที่เสียชีวิต บอกว่า พ่อซึ่งเป็นสมาชิกมาตั้งแต่จดทะเบียนก่อตั้งสมาคม ปี 2542 ก็จ่ายเงินสงเคราะห์ล่วงหน้ารายปีมาตลอดไม่เคยขาด แต่พอพ่อเสียชีวิตวันที่ 28 ต.ค. 65 พอไปติดต่อทางสมาคมฯ กลับจ่ายเงินค่าทำศพให้เพียง 5,000 บาท เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 65 จากยอดที่ต้องได้รับ 70,000 บาท แต่ส่วนที่เหลือทางสมาคมฯ ไม่ได้ระบุว่าจะจ่ายให้วันไหนอ้างแค่ว่ายังเก็บเงินจากสมาชิกได้ไม่ครบ ตอนนี้เดือดร้อนมากเพราะเป็นหนี้นอกระบบที่ไปกู้มาจัดงานศพ จึงได้ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมเพราะคนเราตายแค่ครั้งเดียว ก็อยากให้ทางสมาคมฯ เห็นใจเร่งหาเงินค่าทำศพมาจ่ายให้ด้วยจะได้นำเงินไปใช้หนี้และดอกเบี้ยที่กู้ยืมมา
ไม่ต่างจากนางอำพร สร้อยงาม ทายาทสมาชิกที่เสียชีวิตอีกคน บอกว่า หลังจากย่าซึ่งเป็นสมาชิกฯ ได้เสียชีวิตเมื่อเดือน ธ.ค. 2565 ตนก็นำเอกสารไปติดต่อขอรับเงินค่าทำศพ แต่ทางสมาคมไม่ยอมรับเอกสารบอกว่าไม่มีเงินจ่ายให้หรอก จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้เงินค่าทำศพแม้แต่บาทเดียว เดือดร้อนมากเพราะเป็นหนี้ที่ไปกู้ยืมมาจัดงานศพ ไปทวงถามหลายครั้งแต่กรรมการก็พยายามบ่ายเบี่ยง ล่าสุดมีการย้ายที่ทำการหนี ก็รู้สึกเสียใจเพราะเวลาจ่ายเงินล่วงหน้ารายปีก็จ่ายตรงตลอด แต่พอเวลาตายกลับปัดความรับผิดชอบ
ขณะที่นายพิทักษ์ เสนาสังข์ อายุ 64 ปี ทายาทอีกคน บอกว่า น้องเขยที่เป็นสมาชิก เสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 ก.ค. 65 ไปแจ้งทางสมาคมวันที่ 11 ก.ค. 65 ได้รับเงินค่าจัดการศพมาแค่ 35,000 บาท เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ส่วนที่เหลือไม่มีกำหนดว่าจะจ่ายวันไหน พอไปทวงถามก็บอกว่าไม่มีเงินจ่าย บางครั้งก็บอกว่าไม่มีปิดแล้ว นอกจากจะติดใจเรื่องเงินค่าจัดการศพที่จ่ายให้ไม่ครบแล้ว ยังคาใจเรื่องที่ทางสมาคมฯ ส่งหนังสือมาเรียกเก็บเงินสงเคราะห์ศพล่วงหน้ากับน้องเขย โดยลงวันที่ 14 ธ.ค. 65 ทั้งที่น้องเขยเสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 7 ก.ค.แล้ว จึงอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง และเร่งจ่ายเงินค่าทำศพให้สมาชิกที่ค้างด้วย แต่หากทางสมาคมฯ ยังเพิกเฉย ทายาทและสมาชิกที่เดือดร้อนก็จะนำหลักฐานแจ้งความดำเนินคดี
ด้านนางรัตน์ติภรณ์ ชนะค้า นายกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์กลุ่มสตรีแม่บ้านอำเภอแคนดง กล่าวว่า ได้จดทะเบียนก่อตั้งสมาคมเมื่อปี 2542 ช่วงแรกก็มีสมาชิกแค่หลักร้อยคน จากนั้นก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งปี 2558-2560 มีชาวบ้านสมัครเป็นสมาชิกมากถึงกว่า 4 พันคน โดยเปิดให้ผู้ชายสมัครเป็นสมาชิกด้วย ซึ่งช่วงที่มีสมาชิกเยอะทางสมาคมฯ ก็จ่ายเงินค่าจัดการศพให้สมาชิกสูงถึงศพละ 85,000 บาท พอปี 2562-2563 ช่วงที่โควิดระบาดจำนวนสมาชิกก็เริ่มลดลงและหลายคนก็ขาดส่งเงินสงเคราะห์ล่วงหน้ารายปี ทางสมาคมฯ จึงต้องตัดสิทธิจากการเป็นสมาชิก จนปัจจุบันเหลือสมาชิกเพียงประมาณ 1,400 คน ซึ่งหลายคนก็ยังค้างจ่ายเงินสงเคราะห์ล่วงหน้ารายปี ทำให้ทางสมาคมขาดสภาพคล่องไม่มีเงินค่าทำศพไปจ่ายให้สมาชิกที่เสียชีวิต ซึ่งทางสมาคมฯ ก็พยายามติดตามเร่งรัดสมาชิกอยู่ และทยอยจ่ายให้กับสมาชิกอย่างต่อเนื่อง แต่สาเหตุที่ยังค้างหลายคนเพราะปี 2566 ยังไม่มีสมาชิกจ่ายเงินเลย ซึ่งทางสมาคมยืนยันว่าดำเนินการด้วยการโปร่งใส แต่จะเดินหน้าต่อได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสมาชิกเองด้วย