“ตี๋อ้วน” พิธีกรดัง ฟาดเดือดถึงครอบครัว “น้องทีน” อ้วนตรึ้ม กะเพราตะหลิวตัด หลังเสนอตัวขอเป็นคนรับเงินช่วยงานศพ พร้อมตั้งคำถาม? วันที่น้องเดือดร้อน ลำบาก นอนข้างถนน แม้กระทั่งเจ็บป่วยหายไปอยู่ไหนกันมา วอนท่านที่คิดจะช่วยบริจาค หรือมอบเงินช่วยน้องทีน ขอให้มอบแก่คนที่ดูแลน้องจริงๆ ในเวลาที่ผ่านมา คือพี่ต่อ
จากกรณีที่โลกโซเชียลได้ร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปของ "น้องทีน" หรือ นายสดายุ ศุภผลศิริ เจ้าของร้าน "อ้วนตรึ้ม กะเพราตะหลิวตัด" ที่เสียชีวิตลง และน้องได้เป็นที่รู้จักเนื่องจากน้องประสบปัญหาทำให้ต้องกลายเป็นเด็กไร้บ้านถึงขั้นต้องนอนข้างถนน แต่โชคดีได้เจอกับชายคนหนึ่งได้ยื่นมือช่วยเหลือ ให้ที่พักอาศัย รวมไปถึงสอนวิชาการทำอาหารหาเลี้ยงชีพ จนเกิดเป็นร้านกะเพราของน้องทีนที่เปิดขายมาจนถึงปัจจุบัน
โดยเรื่องราวชีวิตของน้องทีนถูกนำมาเผยแพร่ในโลกออนไลน์จนโด่งดังและมีชาวโซเชียลฯ คอยส่งกำลังใจให้จำนวนมาก แต่น้องได้ป่วยจากการติดเชื้อในกระแสเลือดเนื่องจากแผลพุพองที่เท้า และได้เสียชีวิต ต่อมา "พี่ต่อ" ผู้ดูแลรับเลี้ยงน้องทีนมากว่า 8 ปี วอนโซเชียลฯ ช่วยตามหาคุณยาย ญาติเพียงคนเดียวที่อยู่แถวบางแค เพื่อให้มาร่วมงานศพน้องครั้งสุดท้าย แต่พบว่ามีทั้งพ่อแท้ๆ และยายมาร่วมงานศพ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (19 ก.พ.) เพจ “ตี๋อ้วนชวนหิว” หรือ นายนำชัย จรรยาฐิติกุล พิธีกรรายการช่วยด้วย ที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตของน้องทีน และได้ช่วยเหลือให้ทุนสนับสนุนร้าน "อ้วนตรึ้ม กะเพราตะหลิวตัด" จนมีชื่อเสียงโด่งดัง ได้โพสต์ระบุข้อความถึงเรื่องราวดังกล่าวว่า “(ผมเข้าใจครับคนไทยใจบุญและใจดี) ท่านที่คิดจะช่วยบริจาค หรือมอบเงินช่วยให้น้องทีน ผมขอแจ้งตรงนี้ว่าถ้าจะมอบจริงๆ ขอให้มอบแก่คนที่ดูแลน้องจริงๆ ในเวลาที่ผ่านมา คือพี่ต่อ ตอนที่น้องไม่มีใครน้องร้องหาพ่อแม่ ญาติทุกคนไม่มีใครมาดูเลยแม้แต่คนเดียว วันนี้น้องเสีย แล้วท่านทั้งหลายจะมาขอเป็นคนรับเงินช่วย ในงานศพน้อง ผมว่าไม่สมควรนะครับ ตอนที่น้องเดือดร้อน ไม่มีกิน เป็นหนี้ หาเลี้ยงตัวเอง พวกคุณอยู่ไหนกันโดยเฉพาะพ่อแม่”
และต่อมาได้โพสต์เพิ่มเติมว่า “เอาจริงๆ ถ้าคิดจะช่วยทำบุญ บริจาคที่คุณต่อเพื่อช่วยค่ารักษา ค่าทำศพ ค่าอาหารบริการ งานศพ และอื่นๆ ที่เกิดขึ้นพอ น้องทีนจากไปแล้ว คงไม่ได้ต้องการอะไรจากใคร เพราะที่ผ่านมาก็มีชีวิตคนเดียวมาตลอด ด้วยความน้อยใจ บางคลิปยังบอกประชดเลยว่าไม่มีพ่อแม่ เด็กน้อยตัวอ้วนที่น่าสงสาร”
คลิกชมโพสต์ต้นฉบับ