เกียวโดนิวส์รายงาน (5 ม.ค.) พบการล่วงละเมิดเด็กและการทารุณกรรมอื่นๆ ในสถานรับเลี้ยงเด็กและโรงเรียนอนุบาล รวมทั้งสิ้น 120 คดี ที่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า คดีเหล่านี้มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นตามภาระงานที่เพิ่มขึ้นของครู โดยการลงโทษทางร่างกายและวินัยอยู่ภายใต้การตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น
การสำรวจซึ่งครอบคลุมรัฐบาลประจำจังหวัดและเมืองต่างๆ 95 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น ติดตามเหตุการณ์การทารุณเด็กหลายครั้ง รวมถึงเหตุการณ์ที่นำไปสู่การจับกุมผู้หญิง 3 คน ที่ทำงานเป็นครูในโรงเรียนอนุบาลในจังหวัดชิซูโอกะเมื่อเดือนธันวาคม เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าทารุณกรรมเด็กอย่างต่อเนื่อง ทั้งครูตีเด็กวัยเตาะแตะ และจับเท้าเด็กคว่ำห้อยหัว
ครูคนหนึ่งในโรงเรียนอนุบาลชิซูโอกะ อ้างว่าพฤติกรรมของเธอเกี่ยวข้องกับภาระงานที่เพิ่มขึ้นท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ในขณะเดียวกัน รัฐบาลท้องถิ่นก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าปิดบังเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเวลาประมาณ 3 เดือน
ทั้งนี้ รัฐบาลกลางไม่มีมาตรฐานการเปิดเผยเกี่ยวกับการดำเนินการด้านการบริหาร ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับเทศบาลที่จะตัดสินใจว่าจะเปิดเผยอะไรบ้าง
การสำรวจซึ่งดำเนินการตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงมกราคม ได้รับคำตอบจากหน่วยงานท้องถิ่น 95 แห่ง รวมถึงรัฐบาลประจำจังหวัด 47 แห่ง และรัฐบาลเมืองใหญ่ที่มีอำนาจในการตรวจสอบสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานดูแลเด็กที่ผ่านการรับรอง และโรงเรียนอนุบาล
เกือบร้อยละ 70 ของคดีทารุณกรรมเด็กถูกจับได้จากข้อมูลผู้แจ้งเบาะแส
ฮารุกะ ชิบาตะ รองศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเกียวโต แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลการสำรวจว่า "สาเหตุหลักของการดูแลเด็กที่ไม่เหมาะสมคือการปฏิบัติที่ไม่ดีของครู และอัตราส่วนเด็กต่อผู้ดูแลที่ไม่เหมาะสม"
"ควรปรับปรุงการปฏิบัติต่อครูและอัตราส่วนในการดูแลเด็ก" ชิบาตะ กล่าว
ยูอิจิ มูรายามะ เจ้าหน้าที่สถานรับเลี้ยงเด็ก แสดงมุมมองที่คล้ายกัน โดยกล่าวว่าครูสถานรับเลี้ยงเด็กไม่มีเวลามากพอที่จะพูดคุยและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในสถานรับเลี้ยงเด็กด้วยตนเอง เนื่องจากมีอัตราส่วนเด็กต่อผู้ดูแลที่จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ กล่าวว่า รัฐบาลควรเปิดเผยเนื้อหาของการตรวจสอบและการดำเนินการของเทศบาลที่เกี่ยวข้องกับสถานรับเลี้ยงเด็กเพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับผู้ปกครองที่ต้องการเลือกสถานที่