เชียงใหม่ - ฝุ่นเชียงใหม่ยังหนักติดอันดับโลก หมอกควันหนาทึบคลุมทั่วเมือง ค่ามลพิษอากาศพุ่งเกินมาตรฐานอยู่ในเกณฑ์กระทบสุขภาพต่อเนื่อง แม้ในพื้นที่พบจุดความร้อนจากการเผาแค่ 21 จุด แต่โดนลมพัดฝุ่นควันจากต่างพื้นที่เข้ามาสะสม ขณะที่ผู้ว่าฯ สั่งเน้นย้ำ 6 อำเภอเฝ้าระวังจุดความร้อนอย่างเข้มข้น เนื่องจากสถิติ 3 ปีย้อนหลังพบเป็นช่วงเสี่ยงสูง
วันนี้ (23 ก.พ. 66) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า สภาพตัวเมืองเชียงใหม่ถูกปกคลุมหนาทึบด้วยฝุ่นควันอย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายวันแล้ว แม้ว่าวันนี้ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่จะตรวจพบว่ามีจุดความร้อนจากการเผาเพียง 21 จุดเท่านั้น จากจำนวนทั้งหมด 986 จุดที่ตรวจพบในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ แต่ผลกระทบจากกระแสลมตะวันออกเฉียงใต้พัดพาฝุ่นควันจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกัมพูชาและเวียดนาม เข้ามาในพื้นที่ที่มีสภาพเป็นแอ่งกระทะ ประกอบกับความกดอากาศสูงเนื่องจากอากาศที่ยังคงหนาวเย็น ทำให้ฝุ่นควันเกิดการสะสมอยู่ไม่สามารถระบายออกไปได้
ทั้งนี้ รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศจังหวัดเชียงใหม่ จากสถานีตรวจวัดของกรมควบคุมมลพิษ ในตำบลช้างเผือก, ตำบลศรีภูมิ, ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่, ตำบลช่างเคิ่ง อำเภอแม่แจ่ม, ตำบลเมืองนะ อำเภอเชียงดาว และตำบลหางดง อำเภอฮอด พบค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เฉลี่ยในรอบ 24 ชั่วโมง ณ เวลา 09.00 น. วันนี้อยู่ที่ 65 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 56ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 66 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 62 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร, 62 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร และ 106 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ส่วนค่าดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) อยู่ที่ 137, 114, 139, 129, 129 และ 216 ตามลำดับ จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 100 ซึ่งภาพรวมคุณภาพอากาศอยู่ในระดับที่เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ขณะที่เว็บไซต์ Iqair.com ซึ่งรายงานคุณภาพอากาศจากทั่วโลก แจ้งผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศและการจัดอันดับเมืองที่มลพิษทั่วโลก เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ พบว่าจังหวัดเชียงใหม่มีดัชนีคุณภาพอากาศอยู่ที่ 166 US AQI และค่า PM 2.5 วัดค่าได้ 84.8 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินค่ามาตรฐาน และอยู่ในระดับที่มีผลกระทบต่อทุกคน โดยผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศดังกล่าวถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 6 ของเมืองหลักที่มีมลพิษอากาศสูงสุดของโลก ทั้งนี้ 3 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 เมืองลาฮอร์ ประเทศปากีสถาน ดัชนีคุณภาพอากาศ 195 US AQI, อันดับ 2 เมืองเดลี ประเทศอินเดีย 192 US AQI และอันดับ 3 เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย 180 US AQI
โดยนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เน้นย้ำให้ทุกอำเภอเฝ้าระวังควบคุมจุดความร้อนอย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับเรื่องประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับมาตรการห้ามเผาในช่วง 15 ก.พ.-30 เม.ย. 66 ส่วนการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในพื้นที่ป่าและพื้นที่เกษตร ต้องไม่มีการเผาลุกลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียง หากฝ่าฝืนให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะใน 6 อำเภอ คือ อำเภอแม่แจ่ม อมก๋อย ดอยเต่า เชียงดาว ฮอด และสันทราย ซึ่งจากสถิติ 3 ปีย้อนหลัง เคยพบจุดความร้อนมากที่สุดในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์เข้าสู่เดือนมีนาคม ซึ่งจะเป็นช่วงที่สถานการณ์รุนแรงที่สุดของจังหวัดเชียงใหม่