ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ผบก.บก.ปทส.นำเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบพื้นที่สำนักสงฆ์ของพระครูสุวิทย์ ชินวโร “ครูบาไก่” หลังอดีตโยมใกล้ตัวร้องเรียนบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน เผยตรวจสอบเบื้องต้นสำนักสงฆ์กว้าง
71 ไร่เศษ แบ่งเป็นพื้นที่เอกสารสิทธิ 31 ไร่ ส.ป.ก. 32 ไร่ ที่เหลือเป็นป่าสงวน อย่างไรก็ตาม ความชัดเจนแต่ละประด็นต้องตรวจสอบให้ละเอียดรอบคอบแล้วสรุปเสนออัยการ
วันนี้ (16 ก.พ.) ที่พักสงฆ์วัดป่าปฐมเทวาราม หรือวัดครูบาไก่ (พระสุวิทย์ ชินวโร บ้านป่าผุ ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.บก.ปทส. (ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ในฐานะพนักงานสอบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ตำรวจ สภ.มัญจาคีรี เจ้าหน้าที่ที่ดินจังหวัด เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. เจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่อุทยาน เจ้าหน้าที่ประมง เจ้าหน้าที่สํานักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 8 ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ อบต.สวนหม่อน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานะที่ดินที่ใช้ก่อสร้างสำนักสงฆ์ฯ
ภายหลังจาก นางสาววาสนา หรืออิคคิว เคลือบสูงเนิน อายุ 33 ปี อดีตโยมอุปัฏฐากครูบาไก่ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา ให้ดำเนินคดีต่อครูบาไก่ ในความผิดฐาน บุกรุก แผ้วถาง ยึดถือครอบครองป่าสงวนแห่งชาติ และความผิดอื่นๆ ที่ตรวจสอบพบ
เจ้าหน้าที่สำนักจัดการที่ดินป่าไม้ สำนักงานป่าไม้เขต 7 ได้นำเครื่องจีพีเอส ระบบ 2 ความถี่ ยี่ห้อ Trimble รุ่น r10 ชี้ตำแหน่งของขอบเขตป่า คลาดเคลื่อนไม่เกิน 10 เซนติเมตร โดยรับสัญญาณดาวเทียมเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ 39 ดวง ทำให้ค่าความแม่นยำสูงมาก พร้อมเข้าตรวจสอบในเรื่องของเต่า จระเข้ และช้างภายในสำนักสงฆ์แห่งนี้ด้วยว่าครอบครองอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบในภาพรวมทั้งหมด
พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.บก.ปทส. เปิดเผยภายหลังได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ที่ผ่านมา ทาง บก.ปทส.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่มาตรวจสอบแล้วส่วนหนึ่ง พร้อมทั้งประสานกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ เมื่อเป็นสำนวนการสอบสวนแล้ว ทางพนักงานสอบสวนก็จะต้องลงพื้นที่มาเก็บรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเอาหลักฐานต่างๆ เข้าสำนวนการสอบสวนว่าพื้นที่สำนักสงฆ์ป่าแห่งนี้เป็นพื้นที่ของรัฐประเภทใดบ้าง
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พื้นที่ของสำนักสงฆ์แห่งนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกคือโฉนดที่ดิน และ น.ส.2 ส่วนที่สองคือพื้นที่ ส.ป.ก. และส่วนที่สาม คือป่าสงวนแห่งชาติป่าโคกหลวง โดยพบโฉนดที่ดินแปลง 19 ไร่ แปลง 10 ไร่ และโฉนด น.ส.2 อีกจำนวน 10 ไร่ มีพื้นที่ประมาณ 31 ไร่ที่เป็นเอกสารสิทธิ นอกนั้นจากการตรวจสอบพื้นที่โดยรวมให้ผู้ถูกกล่าวหามานำชี้ที่เกิดเหตุว่ามีอาณาเขตเท่าไหร่ แต่เป็นการนำชี้ของเจ้าหน้าที่ของสำนักสงฆ์ คำนวณได้ประมาณ 71 ไร่เศษ แบ่งเป็นพื้นที่เอกสารสิทธิ 31 ไร่ ส.ป.ก.ประมาณ 32 ไร่ และเขตที่เหลือคือเป็นป่าสงวน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้ยืนยันรายละเอียดพื้นที่ที่ชัดเจนอยู่ในระหว่างการตรวจสอบทั้งหมด
ผบก.บก.ปทส.กล่าวอีกว่า ภายหลังจากทางเจ้าหน้าที่รวบรวมหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับสำนวนการสอบสวนคดีดังกล่าวเสร็จ ก็จะสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูว่าพื้นที่ของรัฐมีความผิดประเภทใดหรือไม่ ถ้าเป็นป่าสงวนก็ต้องดูว่าพื้นที่ป่าสงวนในพื้นที่มีการบุกรุกด้วยสิ่งปลูกสร้างใดอยู่บ้าง ถ้าเป็นเขตสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. มีการยื่นขอใช้พื้นที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งต้องดูหลักฐานให้ครบถ้วนเพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่ายด้วย คาดว่าจะใช้เวลาการดำเนินการราวหนึ่งเดือนสามารถสรุปสำนวนส่งให้อัยการได้
ส่วนโทษของผู้กระทำผิด บุกรุกป่าสงวน ถ้าบุกรุกเกิน 25 ไร่ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี ปรับตั้งแต่ 200,000 ถึง 2,000,000 บาท ตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2562 ฉบับใหม่ ซึ่งจะมีอัตราโทษสูงมาก เนื่องจากมีอัตราโทษสูงจึงต้องดูที่เจตนาต้องพิสูจน์ความผิดให้ได้ว่ามีความผิดที่ชัดเจน และนอกจากตรวจสอบพื้นที่แล้ว ยังต้องเชิญทางเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ เจ้าหน้าที่ประมง มาร่วมตรวจสอบในเรื่องของช้างพังบัวนา และพลายทองหล่อ รวมทั้งเต่า และจระเข้ ที่เลี้ยงอยู่ภายในสำนักสงฆ์ฯ ตรวจสอบดูว่าสัตว์ทั้ง 3 ชนิดนี้มีหลักฐานแจ้งการครอบครองถูกต้องหรือไม่
ด้าน นางสาววาสนา เคลือบสูงเนิน หรืออิคคิว อายุ 33 ปี อดีตโยมอุปัฏฐากวัดป่าครูบาไก่ กล่าวว่า กรณีเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมาได้เข้าแจ้งความต่อ ว่าที่ พ.ต.ท.จุมพลภัทร์ หันทะนันต์ พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ดำเนินคดีต่อครูบาไก่ ในความผิดฐานบุกรุก แผ้วถาง ยึดถือครอบครองป่าสงวนแห่งชาติ และความผิดอื่นๆ ที่ตรวจสอบพบ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2559 พระสุวิทย์ ชินวโร หรือครูบาไก่ ได้เข้าไปแผ้วถาง ยึดถือครอบครองป่าสงวนแห่งชาติ (ป่าโคกหลวง) ในพื้นที่บ้านป่าผุ ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น เพื่อสร้างสำนักสงฆ์ป่าปฐมเทวาราม และยังมีการก่อสร้างศาลาโดม ศาลาหอฉัน โรงครัว กุฏิพระ และหอกลอง รวมทั้งอาคารอื่นๆโดยไม่ได้รับอนุญาต
จนตนเองและเพื่อนๆ ซึ่งเป็นประชาชนที่ชอบการทำบุญ และได้รู้จักครูบาไก่และสำนักสงฆ์ป่าปฐมเทวารามผ่านทาง Facebook เนื่องจากพระสุวิทย์ได้มีการโพสต์ข้อความเชิญชวนให้ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาค และร่วมสร้างวัตถุมงคล จนตนเองและเพื่อนๆ หลงเชื่อเนื่องจากมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว จึงสูญเงินให้กับครูบาไก่ประมาณ 2-3 ล้านบาท ต่อมาเมื่อประมาณเดือนมกราคม 2566 มีภาพสื่อลามกซึ่งเป็นภาพของลับและมีแชตพูดคุยทำนองชู้สาวเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ ตนเองจึงเริ่มทราบและเห็นการกระทำของครูบาไก่
ซึ่งเห็นแล้วว่าไม่เหมาะสมและไม่สมควรอย่างยิ่ง และยังเคยได้ยินครูบาไก่พูดอีกว่าไม่ต้องสร้างอาคารใหญ่โตเพราะหากมีคนแจ้งความอาจถูกรื้อได้เนื่องจากไม่ได้ขออนุญาต
จึงทำให้ตนรู้ว่าครูบาไก่เข้ามาสร้างสำนักสงฆ์วัดป่าปฐมเทวารามโดยไม่ได้รับอนุญาต ประกอบกับการปฏิบัติตัวของครูบาไก่ทำให้พระพุทธศาสนาได้รับความเสียหาย จึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อครูบาไก่ดังกล่าว ซึ่งก็ต้องรอทางเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบเอาผิดในข้อหาที่เกี่ยวข้องทั้งหมด