เชียงใหม่ - สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 (เชียงใหม่) บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบทวงคืนผืนป่าสงวน 5 แปลง เนื้อที่กว่า 25 ไร่ ในอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ หลังมีการซื้อขายเปลี่ยนมือกลายเป็นของนายทุนผุดหมู่บ้านหรูกลางป่าให้ชาวต่างชาติพักอาศัย
วันนี้ (24 ม.ค. 66) นายกมล นวลใย ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 (เชียงใหม่) นำเจ้าหน้าที่ร่วมกับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขต 5, กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองอำเภอหางดง เข้าตรวจสอบพื้นที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ บริเวณป่าแม่ท่าช้างและป่าแม่ขนิน บ้านหมู่ 11 ตำบลน้ำแพร่ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 60 เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่า นางนพมาศ แจ้งกระจ่าง มีการปลูกสร้างบ้านพักหรู โดยมีชาวต่างชาติพักอาศัยอยู่จำนวน 3 แปลง และได้ดำเนินคดีอาญาต่อนางนพมาศไปแล้ว 3 คดี (คดีที่ 386/2561 ลว.22 มิ.ย. 61 คดีที่ 780/62 ลว. 11 ต.ค. 62 และคดีที่ 781/62 ลว.11 ต.ค. 62)
แต่ต่อมามีการล้อมรั้วพื้นที่ เนื้อที่รวม 25-2-28 ไร่ ในพื้นที่ข้างเคียง ซึ่ง DSI ให้ความเห็นว่าผิดเงื่อนไขตามมติ 30 มิ.ย. 41 ให้กรมป่าไม้ดำเนินการตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นการครอบครองที่ต้องมีร่องรอยการทำประโยชน์และทำกินต่อเนื่อง โดยใช้ภาพถ่ายออร์โธสีปี 2545 ในการตรวจสอบ ในระหว่างอยู่อาศัยทำกิน ห้ามซื้อ-ขาย เปลี่ยนมือ เว้นแต่ตกเป็นของทายาทเท่านั้น ห้ามมีการบุกรุก ขยายพื้นที่เพิ่มเติม ห้ามเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำประโยชน์ และต้องอยู่อาศัยหรือทำกินในลักษณะการทำเกษตรกรรมเท่านั้น
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 1 (เชียงใหม่) ได้ขยายผลการตรวจสอบโดยการรวบรวมพยานหลักฐานและลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 65 โดยนางนพมาศแจ้งต่อคณะเจ้าหน้าที่ว่าตนได้ครอบครองและทำประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2554 และเมื่อวานนี้ (23 มกราคม 66) ได้มาให้ถ้อยคำแก่เจ้าหน้าที่ว่าตนได้ครอบครองต่อจาก นายสว่าง ไกรศรีพันธ์ โดยการสละสิทธิการครอบครองและมีค่าตอบแทนเข้าไปครอบครองในพื้นที่หรือมีการซื้อขายเปลี่ยนมือ จึงได้ทำบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมาในวันนี้เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงได้เข้ามาตรวจสอบขอบเขตของพื้นที่ดังกล่าว แต่นางนพมาศไม่อยู่บ้าน จึงขอให้ผู้ใหญ่บ้านนำตรวจสอบขอบเขตของพื้นที่โดยรอบ จากนั้นจะทำการแจ้งความดำเนินคดีเพื่อดำเนินการต่อไป โดยในจำนวน 5 แปลงที่เข้ามาตรวจสอบในวันนี้ มีพื้นที่ 4 แปลงที่เดิมเป็นพื้นที่ที่กรมป่าไม้อนุญาตให้สิทธิทำกิน หรือ ส.ท.ก. เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 31 ปัจจุบัน ส.ท.ก.สิ้นสุดการอนุญาตไปแล้ว หากผู้ได้รับอนุญาตหรือทายาทโดยธรรมที่ได้ทำประโยชน์ในที่ดินนั้นอยู่แล้ว ไม่ประสงค์จะทำประโยชน์และอยู่อาศัยต่อไป พื้นที่นั้นจึงถือว่าเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามเดิม การครอบครองพื้นที่จึงถือว่าสิ้นสุดลงเมื่อมีการซื้อขายเปลี่ยนมือไปแล้ว
ทั้งนี้ เพราะเจ้าของพื้นที่เดิมทั้งหมดไม่ได้มีความเกี่ยวข้องเป็นทายาทหรือทางสายเลือด จึงถือว่าการครอบครองที่ดินของนางนพมาศ แจ้งกระจ่าง เป็นการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ไม่เป็นไปตามมติ ครม. 30 มิ.ย. 41 และไม่เป็นไปตามมติ ครม. 21 พ.ย. 61 มีความผิดตามมาตรา 54 พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และมาตรา 14 แห่ง พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507
สำหรับขั้นตอนต่อจากนี้ จะมีการแจ้งความดำเนินคดี และมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างต่างๆ และจะมีการรื้อถอน ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และดำเนินการต่อไป