เชียงใหม่ - ภาคประชาชนสุดเซ็ง รุมสวดผู้ว่าฯ เชียงใหม่อ้างไม่มีอำนาจสั่งการ ปล่อยเกียร์ว่างให้ทางหลวงชนบทตัดต้นไม้เกาะกลางถนนวงแหวนรอบ 2 จนแทบเกลี้ยงเหลือแค่ตอเป็นร้อยๆ ต้น ทั้งที่อยู่ในช่วงสถานการณ์ปัญหามลพิษอากาศและวิกฤตฝุ่นควัน PM 2.5 ที่ต้องการต้นไม้ช่วยดูดซับฝุ่นและกรองอากาศ วอนทำหน้าที่ “พ่อเมือง” รับฟังเสียงเรียกร้องและความต้องการของคนพื้นที่ด้วย ไม่ใช่แค่หันซ้ายหันขวาตามคำสั่งจากส่วนกลางอย่างเดียว
วันนี้ (7 ก.พ. 66) รายงานจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า จากกรณีที่ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ธ.ค. 65 ประชาชนพบเห็นว่าทางหลวงชนบทเชียงใหม่กำลังดำเนินการตัดต้นไม้บนเกาะกลางถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี หรือถนนวงแหวนรอบ 2 เชียงใหม่ ตลอดแนวถนนที่มีความยาวกว่า 20 กิโลเมตร โดยตัดกิ่งก้านใบออกหมดจนเหลือเพียงช่วงลำต้น ท้วงติงเกี่ยวกับความเหมาะสม เนื่องจากเห็นว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เชียงใหม่กำลังเผชิญสถานการณ์ปัญหามลพิษอากาศและฝุ่นควัน PM 2.5 จึงสมควรเก็บรักษาต้นไม้เกาะกลางถนนดังกล่าวไว้เพื่อช่วยดูดซับฝุ่นควันมากกว่าที่จะตัดออก หรือหากมีความจำเป็นต้องตัดก็สามารถตัดแต่งได้ด้วยวิธีการที่เหมาะสมกว่านี้ ซึ่งกรณีดังกล่าวก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก และทางภาคประชาชนได้มีการแจ้งเรื่องให้ทางนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ทราบและช่วยยับยั้ง อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าไม่เป็นผลแต่อย่างใด และยังคงมีการตัดต้นไม้เกาะกลางถนนอย่างต่อเนื่องเรื่อยมาจนเกือบจะตลอดแนวถนนแล้ว โดยในการประชุมสภาลมหายใจเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 66 มีการหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์และมีข้อเสนอแนะด้วย
ทั้งนี้ นายชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธาน คณะกรรมการอำนวยการสภาลมหายใจเชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีการตัดต้นไม้เกาะกลางถนนดังกล่าวว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจและไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่ต้นไม้เกาะกลางถนนวงแหวนรอบ 2 เชียงใหม่ ถูกตัดกุดจนแทบจะเหลือแต่ตอ ในจังหวะสถานการณ์ที่เมืองเชียงใหม่ต้องการพื้นที่สีเขียวและต้นไม้ในการที่จะช่วยดูดซับมลพิษอากาศและฝุ่นควันที่กำลังมีแนวโน้มรุนแรง เป็นการสะท้อนให้เห็นด้วยว่า หน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบไม่มีความรู้ในการจัดการดูแลรักษาต้นไม้ที่ดีเพียงพอ ซึ่งอยากเรียกร้องให้มีการปรับปรุงแก้ไขและนำความรู้ในการจัดการต้นไม้มาใช้ในการทำงานนี้ เพื่อตัดแต่งต้นไม้ให้ถูกต้องและเหมาะสมกับช่วงเวลา ซึ่งจะเกิดทั้งประโยชน์และความสวยงาม ขณะเดียวกันเห็นว่ากรณีนี้ยังสะท้อนปัญหาเรื่องการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นด้วย เพราะกรณีนี้ได้มีการประสานข้อมูลแจ้งให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ทราบตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว แต่กลับได้รับคำตอบว่าไม่มีอำนาจในการที่จะสั่งการทางหลวงชนบทได้ และต้องให้อธิบดีกรมทางหลวงเป็นผู้สั่งการเท่านั้น ทั้งๆ ที่อย่างน้อยผู้ว่าราชการจังหวัดน่าจะช่วยประสานงานให้เกิดการพูดคุยหาทางออกร่วมกันได้อย่างเหมาะสม แทนที่จะปล่อยให้ต้นไม้ถูกตัดเช่นนี้
ขณะที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ บรรจง สมบูรณ์ชัย อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมและการออกแบบสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และนายกสมาคมยางนา-ขี้เหล็กสยาม ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านรุกขกรรม หรือ “หมอต้นไม้” กล่าวว่า ต้นไม้ที่ถูกตัดดังกล่าว คือ ต้นปีบ หรือต้นกาสะลอง ที่ช่วงนี้ตามถนนหลายสายจะพบเห็นว่ากำลังแผ่กิ่งก้านใบและออกดอกสวยงาม อย่างไรก็ตาม พบว่าต้นที่อยู่บนเกาะกลางถนนวงแหวนรอบ 2 เชียงใหม่นั้นถูกตัดออกไปเกือบหมดจนเหลือเพียงส่วนลำต้นเท่านั้น ซึ่งต้องยอมรับว่าน่าจะเป็นการตัดในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม เพราะขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องการต้นไม้ที่มีใบเยอะๆ เพื่อช่วยดูดซับฝุ่นละออง กรองอากาศ และลดความร้อน โดยการตัดแต่งต้นไม้นั้น ที่จริงแล้วสามารถวางแผนและใช้องค์ความรู้ทำได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนวิธีการทำงานในเรื่องนี้ ซึ่งภาคประชาชนและผู้มีความรู้ด้านรุกขกรรมพร้อมที่จะให้ความร่วมมือเพื่อนำร่องทำให้เชียงใหม่เป็นตัวอย่างในเรื่องการดูแลจัดการต้นไม้อย่างถูกต้องเหมาะสม
ด้านนางสาวลักขณา ศรีหงส์ ประสานงานเครือข่ายเชียงใหม่ เขียว สวย หอม กล่าวว่า การตัดต้นไม้เกาะกลางถนนในช่วงสถานการณ์ที่ปัญหามลพิษอากาศและค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 สูงเกินมาตรฐาน ถือว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่เหมาะสมกับช่วงเวลาอย่างยิ่ง เพราะช่วงเวลาที่ต้องการกิ่งก้านใบของต้นไม้ช่วยในการดูดซับฝุ่นและกรองอากาศ ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าหน่วยงานรัฐยังขาดความรู้ความเข้าใจที่ดีเพียงพอเกี่ยวกับการจัดการพื้นที่สีเขียว ที่ไม่ใช่แค่การรณรงค์ส่งเสริมให้ปลูกต้นไม้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการดูแลรักษา และตัดแต่งอย่างเหมาะสมกับช่วงเวลาด้วย โดยกรณีที่เกิดขึ้นนี้ในช่วงที่พบว่ากำลังเริ่มมีการตัดต้นไม้ดังกล่าว ทางภาคประชาชนได้แจ้งให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ทราบเรื่องเพื่อยับยั้งไว้ก่อนและพูดคุยวางแผนจัดการให้เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ได้รับคำตอบว่าไม่สามารถสั่งการทางหลวงชนบทเชียงใหม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง เพราะอย่างน้อยน่าจะประสานงานให้เกิดการพูดคุยหาทางออกร่วมกันได้อย่างเหมาะสมกว่านี้ ทั้งนี้ อยากเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำหน้าที่เป็นพ่อเมืองที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชนคนเชียงใหม่ด้วย ไม่ใช่แค่ฟังเสียงคำสั่งจากส่วนกลางอย่างเดียว แต่ไม่ฟังเสียงเรียกร้องและความต้องการของคนในพื้นที่ ที่พร้อมจะร่วมมือช่วยกันแก้ไขปัญหา
