เชียงใหม่ - สภาลมหายใจเชียงใหม่และเครือข่ายภาคประชาชนจัดประชุมสรุปผลร่วมทำงานขับเคลื่อนแก้ไขปัญหามลพิษอากาศประจำปี 2566 พร้อมนำเสนอนโยบาย 7 ด้าน ผลักดันการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการและมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมทั้งประกาศติดตามตรวจสอบใกล้ชิดกรณีส่วยกรมอุทยานฯ
สภาลมหายใจเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเครือข่ายภาคพลเมืองที่รวมตัวกันจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2562 เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนแก้ไขปัญหามลพิษอากาศ จัดการประชุมใหญ่ประจำปี 2566 ที่โรงเรียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 66 เพื่อสรุปผลการทำงานที่ผ่านมา รวมทั้งร่วมกันกำหนดทิศทางและเป้าหมายการทำงานในระยะต่อจากนี้
จากนั้นนายชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่ พร้อมด้วยนางสาวสุรีรัตน์ ตรีมรรคา รองประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าว "พลเมืองเชียงใหม่เพื่ออากาศสะอาด" โดยการเสนอนโยบายแก้ปัญหามลพิษอากาศแบบบูรณาการและมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วน คือ การปรับเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องฝุ่นควันมลพิษทางอากาศ การเข้าใจสภาพภูมิศาสตร์ ภูมินิเวศ ภูมิสังคม การเคารพความหลากหลายของกลุ่มคนผู้อยู่อาศัยในเชียงใหม่ การร่วมกันกำหนดเป้าหมายและทางแก้ปัญหาด้วยกันของประชาสังคม รัฐ เอกชน วิชาการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ทั้งนี้ ทางสภาลมหายใจเชียงใหม่กลั่นกรองเป็นข้อเสนอนโยบาย 7 ด้าน ได้แก่ 1. นโยบายการแก้ปัญหาพื้นที่ที่ไฟป่าเกิดขึ้นซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งอยู่ในความดูแลของภาครัฐ, 2. นโยบายการแก้ไขปัญหาความมั่นคงในที่ดินทำกินอยู่อาศัยในเขตป่าและสิทธิชุมชนในการจัดการป่าที่ครอบคลุมการอนุรักษ์ ฟื้นฟูดูแลและการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน
3. นโยบายการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว และเพิ่มพื้นที่เกษตรกรรมยั่งยืนที่สอดคล้องกับแต่ละภูมินิเวศ, 4. นโยบายกระจายอำนาจลงสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น-จังหวัดบริหารจัดการแก้ไขปัญหาที่สอดคล้องกับบริบทพื้นที่, 5. นโยบายการป้องกัน เยียวยา รักษา สุขภาพประชาชน คนเชียงใหม่และภาคเหนือควรได้รับการคัดกรองมะเร็งปอด, 6. นโยบายพลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า โรงงานปลอดมลพิษ และ 7. กฎหมายการบริหารอากาศสะอาด
ขณะเดียวกัน สภาลมหายใจเชียงใหม่แสดงจุดยืนด้วยว่าการจัดการไฟป่าฝุ่นควันมลพิษอากาศ ต้องเพิ่มประสิทธิภาพให้ชุมชน/หมู่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผู้อยู่ในพื้นที่เป็นผู้ดำเนินการ โดยการถ่ายโอนภารกิจการจัดการไฟป่าทั้งในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าอนุรักษ์ มีระบบงบประมาณสนับสนุน เพื่อดูแลไฟป่า (แนวกันไฟ เฝ้าระวัง ดับไฟ ฟื้นฟู) และการจัดการป่าไม้ที่ยั่งยืน โดยประสานดำเนินการร่วมกับหน่วยงานป่าไม้ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่นั้นๆ
พร้อมทั้งประกาศที่จะติดตามเรื่องการคอร์รัปชันกรณีส่วยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชอย่างใกล้ชิดต่อเนื่องด้วย เพราะถือเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ที่ทำให้คำพูดของชาวบ้านในเขตป่ามีน้ำหนักจริง จากเดิมที่มักมีเสียงเล่าลือว่าเรื่องการเผาป่าเอางบประมาณ และทำแนวกันไฟหลอก เพื่อไม่ให้กลายเป็นมวยล้มต้มคนดู และผลักดันให้การบริหารแผนงานและงบประมาณของหน่วยงานมีความโปร่งใส เพื่อให้ประชาชนรับรู้รับทราบและสามารถมีส่วนร่วมได้
นอกจากนี้ ทางสภาลมหายใจเชียงใหม่ตั้งข้อสังเกตและข้อสงสัยกรณีตัวอย่างเรื่องการตัดแต่งต้นไม้ถนนวงแหวนรอบสอง ที่มีการตัดต้นไม้เหลือระดับตอตลอดแนวถนน ในช่วงที่ประชาชนกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์ฝุ่นควัน ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้นไม้จะต้องมีกิ่งก้านใบที่ถูกตัดแต่งอย่างเหมาะสม เพื่อเป็นแหล่งดูดซับฝุ่นละอองในอากาศ รวมทั้งจะช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กได้อีกทางหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ ภาคประชาชนได้ประสานงานและแจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ให้ได้รับทราบและช่วยเหลือยับยั้งแก้ไขปัญหาตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว กลับได้รับคำตอบว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นอำนาจของกรมทางหลวงชนบท สะท้อนเรื่องการทับซ้อนอำนาจของหน่วยงานจากส่วนกลาง ที่ไม่เอื้อต่อการบริหารจัดการตนเองของพื้นที่ในด้านต่างๆ ซึ่งเป็นแนวทางที่สภาลมหายใจเชียงใหม่ต้องเรียกร้องและผลักดันต่อไป
