ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ชาวกุดจิก สูงเนิน โคราชลุกฮือ! ไม่เอาภูเขาคันดินยักษ์ทางรถไฟความเร็วสูง เรียกร้องเปลี่ยนรางระดับพื้นดินยกระดับเป็นแบบเสาสูงตอม่อช่วงผ่านเมือง 9.5 กม. ทั้งหมด ชี้คันดินสูง 5 เมตรทำเมืองอกแตกกระทบวิถีชีวิตชุมชนและเศรษฐกิจหนัก สร้างปัญหาน้ำท่วมใหญ่จมบ้านเรือนนาข้าวสูญยับ วอนเจ้ากระทรวงฯ ยุติก่อสร้างช่วงกุดจิก-โคกกรวดและปรับเปลี่ยนแบบโดยด่วน
วันนี้ (7 ก.พ.) ที่จุดตัดทางรถไฟบ้านโนนตาโก้ ต.กุดจิก อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ประชาชน ครู นักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูง หรือไฮสปีดเทรน กว่า 200 คน นำโดย น.ส.จันทินา อัครปรีดี ตัวแทนราษฎรผู้ได้รับผลกระทบ นายวัธวุฒิ คลาดสูงเงิน นายก อบต.กุดจิก และ นายเจริญ ดีสูงเนิน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 บ้านโนนตาโก้ ต.กุดจิก อ.สูงเนิน ได้ชุมนุมเรียกร้องให้หยุดดำเนินการก่อสร้างโครงการดังกล่าวเนื่องจากประชาชนได้รับความเดือดร้อน โดยในครั้งนี้ได้มีผู้แทนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมาได้เชิญตัวแทนบริษัทที่ดำเนินการก่อสร้างโครงการดังกล่าวเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงต่อประชาชน
น.ส.จันทินา อัครปรีดี ตัวแทนราษฎรผู้ได้รับผลกระทบ เปิดเผยว่า จากกรณีที่การรถไฟแห่งประเทศไทยมีการดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วง กุดจิก-โคกกรวด ตัดผ่านพื้นที่ตำบลกุดจิก โดยการก่อสร้างเป็นคันทางรถไฟระดับดินทั้งหมด เป็นระยะทาง 9.5 กิโลเมตร ซึ่งผู้รับเหมาคือ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ได้เข้าพื้นที่ และเริ่มดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่เดือน พ.ค. 2564 ปรากฏว่าการก่อสร้างดังกล่าวได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำรงชีวิตของชุมชน ทั้งเรื่องปัญหาน้ำท่วมหนักบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่ทางการเกษตรของชาวบ้านได้รับความเสียหาย เนื่องจากการก่อสร้างคันดินของโครงการดังกล่าวส่งผลให้การระบายน้ำล่าช้า
ในด้านเศรษฐกิจ จะทำให้วิถีชีวิตของประชาชนในชุมชนตำบลกุดจิกต้องเปลี่ยนไป เพราะทางรถไฟระดับคันดิน ซึ่งเป็นคันดินขนาดใหญ่ตลอดแนวยาว 9.5 กิโลเมตร จะแบ่งชุมชนออกเป็นสองฝั่ง ยากต่อการพัฒนาความเจริญเพราะกลายเป็นเมืองอกแตก ระดับคุณภาพชีวิตลดลง เพิ่มระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส่งผลทำให้เศรษฐกิจค้าขายภายในชุมชนตกต่ำ
ขณะเดียวกัน การก่อสร้างทางระดับคันดินยังทำให้เส้นทางคมนาคมในเขตชุมชนหลายจุดเปลี่ยนแปลงจากเดิม พื้นผิวจราจรคับแคบ และจุดสะพานกลับรถที่อยู่ระยะไกลทำให้การติดต่อสัมพันธ์ระหว่างผู้คนสองฝั่งทางรถไฟเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพิ่มระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
นอกจากนี้ ในชุมชนบ้านกุดจิกยังมีโรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษา มัธยม ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก รวม 4 แห่ง คือ โรงเรียนบ้านกุดจิก (รัชชุศิริอนุกูล), โรงเรียนกุดจิกวิทยา, โรงเรียนบ้านสลักใด, ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลกุดจิก ที่ตั้งอยู่ทั้งสองฝั่งทางรถไฟ เมื่อมีการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงตัดผ่าน โดยการก่อสร้างแบบถมคันดินและสะพานทางข้ามที่สูง ทำให้ทางรถไฟสายดังกล่าวแยกชุมชนออกเป็นสองฝั่ง ซึ่งส่งผลกระทบด้านการศึกษา เช่น ผู้ปกครอง และเด็กนักเรียนที่เดินทางสัญจร ส่งบุตรหลานไปโรงเรียน ส่วนใหญ่จะเป็นเด็ก สตรี และผู้สูงอายุ ทำให้ได้รับความลำบาก เส้นทางการเดินทางสัญจรเปลี่ยนแปลงไป
น.ส.จันทินากล่าวอีกว่า ปัญหาดังกล่าวนี้เกิดจากการทำประชาพิจารณ์ที่ไม่โปร่งใส หน่วยงานรัฐไม่ได้เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของโครงการฯ ให้แก่ประชาชนทราบเท่าที่ควร และชาวบ้านทั้งหมดไม่เคยได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ประชุมหารือ รวมถึงการทำประชาพิจารณ์ อีกทั้งการรถไฟแห่งประเทศไทยก็ไม่เคยแจ้งถึงรูปแบบของการก่อสร้าง สำรวจความคิดเห็น หรือรับฟังความเห็นของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
ด้าน นายวัธวุฒิ คลาดสูงเงิน นายก อบต.กุดจิก หนึ่งในแกนนำ กล่าวว่า พวกเราได้รวบรวมรายชื่อชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบที่เกิดจากการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงและยื่นหนังสือไปหลายหน่วยงาน สิ่งที่เกิดขึ้นแก่ชาวบ้านตอนนี้คือ ปัญหาเรื่องของฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง และที่สำคัญคือคันดินใหญ่ที่สูงจากพื้นถนนขึ้นไปราว 5 เมตร และปัญหาน้ำท่วมใหญ่ที่เกิดจากการทำคันดินของโครงการก่อสร้างทางรถไฟไฮสปีดเทรน
โดยเราต้องการดังนี้ 1. ขอให้การรถไฟแห่งประเทศไทยระงับการดำเนินการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง สัญญาที่ 3-4 ช่วงกุดจิก-โคกกรวด เป็นระยะทาง 9.5 กิโลเมตร และขอคืนพื้นที่ถนนเดิมให้แก่ประชาชน 2. ขอให้ดำเนินการปรับเปลี่ยนรูปแบบการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงระดับดิน เป็นยกเสาสูง (ตอม่อ) เท่านั้น หากหน่วยงานภาครัฐและกระทรวงคมนาคมยังนิ่งเฉยเราจะมีการยกระดับการเรียกร้องต่อไป