สระบุรี - พ่อแม่คาใจ หมอ ร.พ.เอกชน รักษาน้องไฮเทค วัย 3 ขวบ เริ่มจากอาการไข้หวัดหลังจากตรวจอาการแล้วให้กลับบ้าน แจ้งว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ผ่านไปยังไม่ข้ามวันลูกมีอาการหอบหนักมาก กลับไป รพ.อีกรอบ น้องหัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิต แจงอยากได้คำชี้แจงจากหมอที่รักษาคนแรก
จากกรณีที่มีเพจเฟซบุ๊กชื่อ อยากดังเดี๋ยวจัดให้รีเทริน์ part 6 ได้ลงรูปพร้อมระบุข้อความไว้ว่า #ร้องเรียนตรวจสอบ น่าจะผิดพลาดจากจุดไหนอย่างไร...และถ้าผิดพลาดจริงต้องชดเชยเยียวยาหรือไม่..น้องยังน่ารักอยู่เลย ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวน้องด้วยค่ะ #สระบุรี #เหตุการณ์วันที่น้องไม่อยู่กับแม่แล้ว น้องไฮเทคเป็นหวัด แต่อาการหวัดหายไปแล้ว 2-3 วัน ต่อมาน้องมีอาการซึม มีไข้อ่อนๆ ค่ะ หายใจหอบ ก็พาน้องไปโรงพยาบาล หมอแจ้งว่า น้องมีอาการหลอดลมอักเสบ พ่นยาแล้วกลับบ้าน (#เราได้ถามหมอแล้วว่าอาการปอดติดเชื้อ กับหลอดลมอักเสบเหมือนกันมั้ย หมอแจ้งว่า อาการคล้ายกัน แต่น้องไม่เป็นไรมาก จึงไม่เอกซเรย์ปอด ต้องรอให้หนักก่อนถึงจะเอกซเรย์ )
พอตกดึกน้องมีอาการหอบหนักขึ้น เลยพาไปโรงพยาบาลอีกครั้ง หมอให้ออกซิเจนเพราะค่าออกซิเจนต่ำมาก สักพักหมอเดินออกมาบอกว่าน้องหัวใจหยุดเต้น เลยปั๊มหัวใจให้น้อง แต่น้องไม่ตอบสนองค่ะ หมอเเจ้งสาเหตุการเสียชีวิต ปอดอักเสบค่ะ (แอบสงสัยทำไมตอนเช้าหมอแจ้งอีกอย่าง บอกน้องไม่เป็นไรมาก ไม่ต้องเอกซเรย์ปอด) แต่พอตอนดึกที่พาน้องมาหมอปอดอักเสบ) ถามหมอว่าทำไมตอนเช้าไม่บอกให้แอดมิด หรือนอนดูอาการ หมอแจ้งว่า หมอไม่ทราบเลยค่ะ คนละเวรกัน คนละเคส เพราะตอนน้องมาอาการหนักแล้ว โรงพยาบาลเอกชนนะคะ #เสียลูกไปไม่มีวันกลับเพราะการตรวจไม่ละเอียดงั้นหรอ
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปวัดเขาน้อย หมู่ 6 ต.ห้วยขมิ้น อ.หนองแค จ.สระบุรี ซึ่งบรรยากาศภายในวัดมีญาติพี่น้องของ ว่าที่ ร.ต.ปริญญา บาศรี อายุ 27 ปี และว่าที่ ร.ต.หญิง พัชญาวีร์ ภู่สุข อายุ 25 ปี 2 สามีภรรยาต่างทยอยมาร่วมฟังพระสวดอภิธรรมเป็นคืนสุดท้าย ของน้องไฮเทค หรือ ด.ช.วรายุทธ บาศรี อายุ 3 ปี โดยคุณตาของน้องไฮเทค ได้พูดคุยกับรูปภาพของหลานชายด้วยความเสียใจกับการจากไปของหลายชายอันเป็นที่รัก บอกกับหลานว่า ขอให้หลานรับรู้ไว้ว่าพ่อแม่ ปู่ย่า ตายายยังรักและคิดถึงอยู่เสมอ รู้สึกใจหายกับการจากไปของหลานชาย และหากชาติหน้ามีจริงขอให้เกิดมาเป็นตาหลานกันอีกนะ
ว่าที่ ร.ต.หญิง พัชญาวีร์ ภู่สุข และว่าที่ ร.ต.ปริญญา บาศรี แม่และพ่อของน้องไฮเทค ได้เล่าการรักษาของหมอโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดสระบุรี พร้อมกับนำขวดยาและใบมรณบัตรมาแสดงถึงข้อกังขาว่า ช่วงเช้ามืดวันที่ 29 น้องมีอาการตัวร้อนรุมๆ แล้วหายใจเหนื่อยหอบ มีอาการเซื่องซึม จึงพาลูกไปหาหมอ โรงพยาบาลแจ้งว่า น้องมีอาการหอบ เขาก็วัดนู่นนี่นั่น คือให้น้องไปตรวจ ATK เพื่อที่จะได้พ่นยา โดยวินิจฉัยว่าน้องเป็นหลอดลมอักเสบ เลยถามเขาว่าระหว่างหลอดลมอักเสบกับปอดติดเชื้ออาการคล้ายกันหรือเปล่า
คุณหมอบอกว่าน้องไม่ได้เป็นมาก เป็นมากถึงจะให้เอกซเรย์ เลยให้ยามากิน ให้ดูอาการ แล้วน้องก็กลับบ้าน เพราะคุณหมอบอกน้องไม่ได้เป็นอะไรมาก พอน้องกลับมาดูอาการที่บ้านน้องกินยาตามที่หมอสั่งมา ตั้งแต่กลับมา อาการน้องทรงตัวมาจากโรงพยาบาล คอยสังเกตลูกตลอด คิดว่าคงยังไม่เป็นอะไรตามที่หมอบอก ต่อมาช่วงตี 1 น้องเกิดอาการหายใจหอบ จึงพาไปโรงพยาบาลอีกครั้ง คุณหมอถามว่าน้องเคยมีอาการแบบนี้มาก่อนมั้ย บอกน้องไม่เคยมีอาการอะไรเลย ไม่เคยเป็นโรคหอบ คุณหมอถามว่าทำไมปล่อยให้อาการหนักขนาดนี้ เลยบอกว่ามาแต่เช้าแล้ว แต่คุณหมอเฉพาะทางให้กลับบ้าน บอกไม่ได้เป็นอะไรมาก
หลังจากนั้นคุณหมอเดินมาบอกว่าหัวใจน้องหยุดเต้น โอกาสสูงมากที่น้องจะเสียชีวิต เพราะออกซิเจนในเลือดต่ำ แล้วคุณหมอเดินเข้าห้องไป ตกใจมาก เพราะว่าก่อนที่จะออกมาจากห้องฉุกเฉินลูกยังลืมตาดูเราอยู่เลย เราบอกกับลูกว่าเดี๋ยวแม่มารับนะ น้องก็มองเหมือนเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย แล้วคุณหมอเรียกเข้าไปอีกรอบ คือน้องไม่ตอบสนองแล้ว ปั๊มหัวใจไม่ขึ้น คือทำใจไม่ได้เห็นลูกในสภาพนั้น สุดท้ายน้องก็เสียชีวิต จากการวินิจฉัยของแพทย์คือน้องเป็นปอดอักเสบ ซึ่งในความเป็นจริงคุณหมอควรให้น้องแอดมิดนอนดูอาการ ตอนนี้ทางโรงพยาบาลยังไม่มีการเข้ามาพูดคุย แค่ลงสาเหตุการตายว่าปอดอักเสบแค่นั้น อยากให้เขาออกมารับผิดชอบ อยากให้ออกมาชี้แจงว่าทำไมอาการตอนที่ไปรอบแรก และรอบที่สองแตกต่างกัน สำหรับศพน้องจะยังคงเก็บไว้เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม