ผู้ว่าฯ จะอินเซ็กจีประกาศกฎอัยการศึก หลังสถานที่ราชการถูกเผา

กาญจนบุรี - ผู้ว่าฯ จะอินเซ็กจี ประกาศกฎอัยการศึก หลังสถานที่ราชการ อ.พญาตองซู ถูกบุกเผาอีกครั้งเมื่อเช้ามืดคืนวันที่ 29 ที่ผ่านมา ขณะที่เจ้าหน้าที่ด่าน อ.สังขละบุรี และผู้นำท้องถิ่นออกลาดตระเวนเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คิดเกิดอย่างเข้มข้นตลอด 24 ชั่วโมง

จากกรณีทหารพม่าส่งเครื่องบินแบบ YAK-130 จำนวน 3 ลำ บินมาทิ้งระเบิดโจมตีค่าย บ้านพักของ พ.อ.เพียวลิน หรือเอวัน หรือเอ้วา ผบ.บก.ยว.2 /รอง ผบ.พล.น.2 กองกำลัง DKBA รวมทั้งบ้านพักกำลังพลกองกำลัง DKBA และที่ตั้ง บก.พัน.903 สถานที่ฝึกกองกำลัง DKBA/กองกำลัง PDF ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านเจ่เชาว์ หรือบ้านเลวะโพ อ.พญาตองซู จ.จะอินเซ็กจี รัฐกะเหรี่ยง พม่า ห่างจากชายแดนช่องทางจุดผ่อนปรนทางการค้าชายแดนด่านพระเจดีย์สามองค์ บ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี ระยะทางประมาณ 25-28 กิโลเมตร ปฏิบัติการดังกล่าวเป็นเหตุทำให้กำลังพลล DKBA พัน 903 ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 1 นาย ส่วนสถานที่ฝึกและอาคารสถานที่บ้านพักกำลังพล และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ได้รับความเสียหายจำนวนมาก เหตุการณ์ดงกล่าวเกิดขึ้นวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา

ต่อมา เวลาประมาณ 22.00 น.ของคืนวันที่ 23 ม.ค.66 กองกำลัง DKBA ได้หวนกลับมาแก้แค้นด้วยการบุกเผาสถานที่สำคัญทางราชการของพม่า ทำให้ในเขตกิ่งอำเภอพญาตองซูเสียหายไปหลายแห่ง และเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา มีข่าวลือว่าจะมีการยิงตอบโต้กันขึ้นที่ฝั่งกิ่งอำเภอพญาตองซู ประเทศพม่าอีกครั้งหนึ่ง และให้ชาวบ้านอพยพออกจากพื้นที่ภายใน 2 ชั่วโมง เป็นเหตุทำให้ชาวบ้านที่มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงวัยเก็บข้าวของออกจากบ้านแล้วมุ่งหน้าเข้ามาขอหลบภัยตามแนวชายแดนของไทย บริเวณบ้านพระเจดีย์สามองค์ หมู่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ร้อย ตชด.134 เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.สังขละบุรี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.สังขละบุรี และผู้นำท้องถิ่น สนธิกำลังลาดตระเวนและเฝ้าดูแลเพื่อความปลอดภัยให้ผู้อพยพตลอด 24 ชั่วโมง ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด เวลา 05.00 น.วันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้มีกองกำลังบุกเข้าไปเผาสำนักงานที่ดิน และสำนักงานประสานงานของทางการพม่า ในพื้นที่อำเภอพญาตองซูได้รับความเสียหายอีกครั้งหนึ่ง เป็นเหตุทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจะอินเซ็กจี ต้องประกาศกฎอัยการศึกในพื้นที่อำเภอพญาตองซู โดยเนื้อหาสำคัญของประกาศมีดังนี้

1.ตอนนี้ จ.จะอินเซ็กจี ประชาชนบางกลุ่มที่ต้องการก่อความรุนแรงภายในเขต อ.พญาตองซู หน่วยงานราชการนอกจากการเผาอาคารที่อยู่อาศัยแล้ว ยังพบว่าเป็นการบ่อนทำลายความปลอดภัยสาธารณะและกฎหมายและความสงบเรียบร้อยอีกด้วย

2.การกระทำดังกล่าวเป็นการก่อกวนความสงบสุขและความปลอดภัยของประชาชน นอกจากจะเป็นอันตรายต่อกฎหมาย ความสงบเรียบร้อย และความสงบสุขของชุมชนแล้ว ยังเชื่อว่าการจลาจลอาจเกิดขึ้นในจังหวัดจะอินเซ็กจี รวมตัวกันภายในขอบเขตของ อ.พญาตองซู พระธรรมเทศนา โดยใช้ยานพาหนะบางชนิดเดินตัวต่อตัวหรือเป็นขบวน ยุยงและท้วงติง การทำลายห้ามกระทำการอันธพาล

3.นอกจากนี้ ห้ามรวมกลุ่มเกิน 5 คน (หรือมากกว่าห้า) ในยามวิกาล ในพื้นที่ จังหวัดจะอินเซ็กจี บนถนนสายหลัก และเส้นทางถนนสาธารณะ ในเขตพื้นที่ อ.พญาตองซู ได้มีคำสั่งฉบับที่ (12/2566 ) โดยมิได้ยกเลิกคำสั่งฉบับที่ (12/2566 ) ห้ามชุมนุมในสวนหรือที่สาธารณะ และห้ามออกพื้นที่ในห้วงเวลากลางคืนตั้งแต่เวลา 18.00 น.ถึง เวลา 05.00 น.

4.คำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 25 มีนาคม 2566 และ 5.ในวันที่ 26 มกราคม 2566 ข้าพเจ้าได้ประทับตราของสำนักงานนี้และลงลายมือชื่อ ผวจ.จะอินเซ็กจีฯผู้บริหารเมือง ฝ่ายบริหารทั่วไปของ จังหวัดจะอินเซ็กจี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่อำเภอพญาตองซู เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.วุทธยา จันทมาศ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 กองกำลังสุรสีห์ ได้สั่งการให้ พ.อ.รณวรรณ พจน์สถิตย์ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ ตร.สภ.สังขละบุรี เจ้าหน้าที่ร้อย ตชด.134 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.สังขละบุรี และผู้นำท้องถิ่นออกลาดตระเวนเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คิดเกิดอย่างเข้มข้นตลอด 24 ชั่วโมง

โดยที่ผ่านมา มีผู้หลบหนีจากสถานการณ์ความไม่สงบในพม่าข้ามชายแดนเข้ามาขอหลบภัยที่วัดเจดีย์สามองค์ วัดถ้ำคูหาสวรรค์ และสำนักสงฆ์เตาถ่าน ที่อยู่ฝั่งไทย รวมกว่า 300 คน โดยสมาชิกกิ่งกาชาดอำเภอสังขละบุรี ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลหนองลู ผู้นำท้องถิ่น ได้แจกข้าวกล่องที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนให้แก่ผู้หลบหนีจากสถานการณ์ความไม่สงบในพม่า วันละ 3 มื้อ หากสถานการณ์ยืดเยื้อจะต้องตั้งโรงครัวประกอบอาหารแทนการแจกข้าวกล่อง และเปิดรับบริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่ม รวมถึงห้องสุขาเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ทีมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่โรงพยาบาลสังขละบุรีได้จัดเจ้าหน้าที่ดูแลผู้หลบหนีจากสถานการณ์ความไม่สงบในพม่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็ก สตรี คนชรา ได้ดูแลสุขภาพจิต โดยใช้แบบประเมินความเครียดระบบ St-5 พบว่า ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ที่ปรับตัวได้ และมีความเครียดระดับปานกลางถึงเล็กน้อย

บางรายป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจ ความดัน เบาหวาน ซึ่งได้ตรวจและให้ยาแล้ว นอกจากนี้ สำนักงานสาธารณสุขอำเภอสังขละบุรี ได้จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม นำรถน้ำไว้คอยบริการ โดยมอบหมายให้ตัวแทนผู้หลบหนีเข้ามาเป็นแกนนำจิตอาสาจัดการขยะ ทำความสะอาดห้องสุขาเพื่อให้ถูกสุขอนามัย

แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีผู้หลบหนีจากภัยความไม่สงบในพม่าในปัจจุบันเหลืออยู่เพียงแค่ 62 คน หากไม่มีสถานการณ์รุนแรงเกิดขึ้นอีก คาดว่าผู้หลบหนีจากภัยความไม่สงบที่เหลือคงจะทยอยเดินทางกลับได้