พิษณุโลก - “เจ๋ง ดอกจิก อดีตแกนนำเสื้อแดง” ครวญกลางเวทีหาเสียงช่วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก ภูมิใจไทย..บอกเวลาสู้ เราสู้เพื่อให้เขา แต่เวลาเฉาไม่มีใครดูแล สุดท้ายติดคุกอยู่คนเดียว จนต้องยุติอุดมการณ์ทางการเมืองไว้ก่อน หันช่วยพรรคพวกดีกว่า
นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก อดีตแกนนำ นปช. (เสื้อแดง) ได้เดินทางมาร่วมขึ้นเวทีปราศรัยของนายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.สังกัดพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจัดขึ้นที่วัดหนองหลวง และวัดหนองไผ่ ต.หนองกุลา อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง เพราะแม้รัฐบาลยังเหลือเวลาให้ครบเทอม 24 มีนาคมนี้ แต่หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ คอการเมืองคาดว่าอาจจะยุบสภาฯ ได้ทุกเมื่อ
”เจ๋ง ดอกจิก” ที่คว้าไมค์ขึ้นเวทีหาเสียงช่วยนายนิยม ได้กล่าวต่อหน้าชาว ต.หนองกุลา อ.บางระกำ ที่มาร่วมเวทีเกือบ 1 พันคนว่า ตัวเองเคยรับโทษติดคุกถึง 5 ปี 4 เดือน ข้อหาปล้นรถถัง เดินเข้าออกคุกมา 4 ครั้ง ถามว่าต่อสู้เพื่อใคร เพื่อนผม อริสมันต์ (พงษ์เรืองรอง) ก็หนีไปต่างประเทศไม่กลับมา
“หลายครั้งนั่งทบทวนดูตัวเองว่าที่ผ่านมาเราต่อสู้เพื่อใคร เพราะเวลาติดคุก ก็ติดอยู่คนเดียว สุดท้ายความเดือดร้อนมาตกที่เมียต้องเอาโฉนดที่ดินมาประกันตัว 6 แสนบาท สงสัยว่า..เวลาต่อสู้เพื่อให้เขา แต่เวลาเฉาไม่มีใครดูแล วันนี้มาช่วยเพื่อนรัก ส.ส.นิยม สังกัดพรรคภูมิใจไทย เลือกคนนี้ ไม่ผิดหวังแน่ ลูกชาวนาแท้ๆ อย่าไปสนใจเลือกสีเสื้อ เลือกตัวบุคคลไว้ทำงานดีกว่า”
นายยศวริศ ชูกล่อม ยังเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า วันนี้ขอเป็นอิสระ ไม่ได้ขึ้นต่อใคร นั่งรถมาเพื่อช่วยพรรคพวก มาหาเสียงให้เพื่อนรักที่เคยอยู่กับพรรคเพื่อไทยมา และดีใจที่ย้ายมาพรรคภูมิใจไทย เพราะสายสัมพันธ์ที่ตัดกันไม่ขาด จึงไม่ได้สนใจ เรื่องพรรคการเมือง แต่สนใจแค่พรรคพวกเท่านั้น ซึ่งตนก็ยังมีคิวไปช่วยเพื่อนที่อยู่พรรคเพื่อไทยหาเสียงในภาคอีสานด้วย เพราะเมืองไทยต้องมีคอนเนกชัน เรื่องความขัดแย้งมันจบลงแล้ว ต้องสนใจเลือกบุคคลอย่าง “นิยม” เป็นคนดีคนหนึ่ง ซึ่งคนบางระกำควรสนับสนุนให้มาทำงานดูแลพี่น้องประชาชน
ขณะที่นายนิยม ช่างพินิจ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก พรรคภูมิใจไทย ขึ้นเวทีกราบขอโทษที่ย้ายพรรค เพราะอดีตแสนปวดร้าวที่เคยอยู่เสื้อแดง แม้แต่ลูกสาวยังไม่กล้าบอกคนอื่นว่าเป็นลูก ส.ส.เสื้อแดง นามสกุลเดียวกัน บอกแค่เป็น "หลาน" เท่านั้น และวันนี้ยังเจอกับคำถามเจ็บปวดอีก คือย้ายพรรค
นายนิยมกล่าวต่อว่า ตนให้เหตุผลที่เข้ามาอยู่ภูมิใจไทย เพราะเป็นพรรคกลางๆ ซ้ายก็ได้ ขวาก็ได้ เลิกความขัดแย้ง เพราะอยู่บนถนนการเมืองมา 23 ปี น่าจะพอแล้ว ตนอยากจะสร้างความฝัน ดันโปรเจกต์ใหญ่ๆ ให้คนพิษณุโลก นั่นคือเขื่อนบางกระทุ่ม เหมือนเขื่อนนเรศวร (อยู่ตอนเหนือน้ำน่าน) ใช้งบประมาณพันกว่าล้านบาทเท่านั้น แถมยังได้การท่องเที่ยวอีก สามารถดันน้ำน่านจาก อ.บางกระทุ่ม ถึงหน้าวัดใหญ่ ให้นิ่ง-ใส สามารถล่องแพแม่น้ำน่าน เหมือนแม่น้ำไทรโยค จ.กาญจนบุรี แก้ปัญหาตลิ่งพังตลอดแนวแม่น้ำน่านถาวร ดีกว่าทุ่มงบสร้างเขื่อนเรียงหิน 3 พันล้านก็ไม่จบ
“ผมเกิดจากครอบครัวชาวนา จบ ปวส.ช่างยนต์ เรียนจบ รับซ่อมเครื่องยันม่าร์-คูโบต้า จากนั้นหันไปทำนา 70 ไร่ในระยะ 2 ปีจึงรู้ซึ้งมาก โดยเฉพาะตอนไปขายข้าว หาคนซื้อแทบไม่ได้ เพียงแค่คุณภาพข้าวเราไม่ตรงกับพ่อค้าโรงสี หากย้อนไปได้ ข้าวเปลือกควรเก็บไว้ที่ยุ้งฉาง รอราคาดีค่อยขาย”
จากนั้นหันออกรถบรรทุกขนส่งโรงโม่หิน แต่ก็ล้มเหลว จึงเข้าใจคำว่า “คนจน” เป็นอย่างไร ต่อมาก็หันเหไปเป็นหัวหน้าช่างเครื่องยนต์ในเหมือง พออยู่ตัวก็มาค้าน้ำมัน ปั๊มน้ำมันเคยค้าขายติดอันดับหนึ่งของภาคเหนือ กระทั่งผู้มีพระคุณชวนมาสมัคร ส.จ.ได้เดินอยู่บนถนนสายการเมืองจนทุกวันนี้ มีคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งของบางระกำ รวมทั้งมีโอกาสได้เรียนต่อปริญญาตรีและโทเพื่อเป็นผู้แทนฯ อย่างมีคุณภาพ
“ผมได้ปฏิญาณไว้ว่า หากเป็นผู้แทนฯ จะไปทุกงานทั้งงานบวช งานแต่ง งานศพ และก็ทำตามสัญญาแล้ว แต่วันนี้ขอโอกาสอีก 4 ปีทำโครงการเขื่อนและถนน 4 เลน บางระกำ-ลานกระบือ จ.กำแพงเพชร ให้จบเท่านั้น”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นิยม ช่างพินิจ เป็น ส.ส.พิษณุโลกหลายสมัย เคยสังกัดพรรคไทยรักไทย, พลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ครองแชมป์ผู้แทนฯ ในเขต 4 ต่อเนื่องจะด้วยเหตุผลตัวบุคคลมากกว่าพรรคหรือไม่ก็ตาม แต่เลือกตั้งรอบนี้ต้องปะทะกับคู่ปรับเก่า คือ น.ส.พิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ (ชื่อเดิมปานทิพย์) ที่ย้ายจากพรรคประชาธิปัตย์มาอยู่พรรคเพื่อไทย
ทว่าเลือกตั้งรอบนี้ นิยม ช่างพินิจ แม้จะย้ายเข้าพรรคภูมิใจไทย แต่ก็ได้อดีตแกนนำเสื้อแดง เช่น เป๋ คลองเตย และ เจ๋ง ดอกจิก มาร่วมเวทีช่วยหาเสียง รวมทั้งคาดกันว่าจะมีอดีตแกนนำเสื้อแดง-นปช.อีกหลายคน อาทิ ตู่-จตุพร พรหมพันธ์ มาช่วยหาเสียงอีกเร็วๆ นี้