xs
xsm
sm
md
lg

เปิดปูม “ครูบาไก่” อ้างบวชตั้งแต่อายุ 12 เจ้าแม่ใบ้หวย “แม่น้ำหนึ่ง” ก็ยังเป็นลูกศิษย์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวขอนแก่น - โด่งดังชั่วข้ามคืน "ครูบาไก่" หรือพระครูสุวิทย์ ชินวโร เจ้าอาวาสวัดป่าปฐมเทวาบูรพาราม บ้านป่าผุ ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น หลังมีญาติโยมร้องเรียนกล่าวหามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่จะเป็นสาวกพระพุทธเจ้า เพราะมีการส่งภาพของลับให้ผู้ชายและมีอะไรกับผู้ชายด้วย โดยมีคลิปจากคนที่ระบุว่าเป็นแฟนครูบาไก่นำขึ้นโพสต์สื่อโซเชียล


อย่างไรก็ตาม ล่าสุด พระสหธรรมิก รวมทั้งญาติโยมยืนยัน ผู้ที่กล่าวหาไม่ใช่โยมอุปัฏฐาก แต่มาแสวงหาผลประโยชน์จากตัวครูบาไก่เท่านั้น ซึ่งประเด็นนี้ต้องรอให้ไปพิสูจน์ในชั้นศาล

สำหรับประวัติของครูบาไก่ หรือพระครูสุวิทย์ ชินวโร เกิดวันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2535 บ้านหนองกล้าเหลือง ว่ากันว่าในวัยเด็กมีใจฝักใฝ่ในธรรมะ จนอายุ 12 ปี ได้บรรพชาเป็นเณรที่วัดโคกสว่าง ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี และได้เดินทางปฏิบัติธรรม เรียนกรรมฐาน จำพรรษาในหลายๆ พื้นที่

ต่อมาเมื่ออายุ 20 ปี ครูบาไก่ได้อุปสมบทที่วัดป่าโนนสำนัก และได้เดินทางไปจำพรรษาในหลายๆ วัด ปัจจุบันครูบาไก่ได้กลับมาสร้างวัดใหม่ พร้อมบูรณปฏิสังขรณ์ จำพรรษาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดป่าปฐมเทวาบูรพาราม ต.สวนหม่อน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น

ทั้งนี้ ครูบาไก่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางภายหลังสื่อในท้องถิ่นได้พากันกระพือข่าว ว่าท่านเป็นผู้มีญาณ มีนิมิตเห็นพระพุทธรูปตามจุดต่างๆ ซึ่งเมื่อไปขุดบริเวณดังกล่าวก็พบวัตถุมงคล พระพุทธรูปตามที่นิมิตไว้

สำหรับคนที่เห็นรูปภาพตามโซเชียลหรือมีโอกาสได้ไปกราบไหว้ครูบาไก่มัญจาคีรี จะพบว่าดูท่านอายุน้อย แต่ปัจจุบันครูบาไก่อายุ 30 ปีแล้ว บวชมาแล้ว 10 พรรษา

ตกเป็นข่าวล่าสุดเมื่อปลายปี 2565 เมื่อครั้งตามหาช้างพังบัวนาที่หลุดหายเข้าไปในป่า ทั้งนี้ ครูบาไก่มีลูกศิษย์เคารพนับถือจำนวนมาก รวมถึงคนดังอย่าง “แม่น้ำหนึ่ง” ด้วย


ส่วนลูกศิษย์หลายท่านนิยมเรียก "ครูบาไก่ จังหวัดขอนแก่น" ที่ว่า ทำไมเรียกท่านว่า ครูบา นั้น พบว่า ครูบา เป็นคำใช้เรียกผู้อบรม สั่งสอนทั้งในด้านความรู้และมารยาท ในภาคอีสานบางพื้นที่ก็ใช้เรียกพระบวชใหม่ไม่เกิน 10 พรรษา แต่พระสงฆ์ผู้นั้นเป็นผู้ทำประโยชน์แก่สังคม มีลูกศิษย์นับถือและศรัทธาจำนวนมาก ได้รับการยอมรับในวงกว้าง เพราะในปัจจุบันชาวบ้านหรือลูกศิษย์จะนิยมเรียกพระสงฆ์ที่นับถือว่าครูบาเช่นกัน

ขณะที่ นายสุรพล ชนะชานนท์ อายุ 66 ปี ชาว อ.มัญจาคีรี ที่เดินทางมาทำบุญที่วัดเป็นประจำ บอกว่า ส่วนตัวไม่เชื่อเด็ดขาดว่าครูบาไก่มีสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชาย ส่วนตัวดูแล้วว่าสองคนที่กล่าวหานั้นไม่ใช่โยมอุปัฏฐาก ตนเคยพูดคุยเป็นเพียงคนมาทำบุญเหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป สิ่งที่กล่าวหาครูบาไก่นั้นคิดว่าจงใจหวังทำลายพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะครูบาไก่อย่างชัดเจน เรื่องที่ทำขึ้นมานั้นไม่ได้เป็นความจริงแม้แต่น้อย

ทั้งรอยสักซึ่งครูบาไก่สักมานานแล้ว แต่ในภาพไม่มีรอยสัก ผิวพรรณนิ้วมือถ้าเป็นญาติโยมที่รู้จักมักคุ้นก็จะรู้ว่าไม่ใช่ผิวพรรณหรือนิ้วมือของครูบาไก่ พระครูบาเป็นคนมีเมตตา ใจดีนิสัยดีพาญาติโยมทำวัตรเป็นผู้ปฏิบัติดีด้วย ท่านไม่เคยรังเกียจใคร สายบุญที่มาท่านต้อนรับหมดแต่จะมีสายบุญที่มาหวังผลประโยชน์มาหวังเอาทุกสิ่งทุกอย่างในตรงนี้ จากวัตรซึ่งมีเข้ามาเรื่อยๆ


แต่ท่านครูบาทราบก็ไม่ว่าอะไรเมตตาทั้งหมด ทั้งกรรมการวัดญาติโยมทั้งหมดต่างแปลกใจว่าทำเรื่องดังกล่าวต้องการอะไรทั้งที่พระครูบาเมตตาทุกสิ่งทุกอย่างให้ อยากจะฝากถึงคนที่จ้องทำลายครูบาไก่หรือพระพุทธศาสนาขอให้หยุดเพราะบาปบุญมีจริงเวรกรรมมีจริง ถ้าหากยังไม่หยุดชาวบ้านทุกคนก็พร้อมจะออกมาปกป้องดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด

ภาพที่เห็นกับครูบาไก่นั้นคนละคนกัน ไม่รู้ว่าในภาพนั้นเป็นใครแต่ครูบาไก่ไม่ใช่อย่างแน่นอนเพราะรอยสักครูบาไก่สักมานานแล้วแต่ในภาพนั้นไม่มี ยืนยันมั่นใจขอเป็นประกันเพราะพระครูบาไก่เป็นคนผิวพรรณสวยงาม เรื่องแบบนี้ไม่มีทางที่พระครูบาไก่จะกระทำเด็ดขาดเพราะพระครูบาไก่ละเรื่องทางนี้ได้ทั้งหมดแล้ว

ด้าน นางมะลิ เชื้อหนองไฮ อายุ 68 ปี ชาวบ้านที่มาทำบุญที่วัดเป็นประจำอีกคน กล่าวว่า เรื่องการทำเหรียญวัตถุมงคลนั้นผู้ที่กล่าวหาไม่ใช่โยมอุปัฏฐากเป็นคนที่มาทำบุญเหมือนคนอื่นๆ ทั่วไป และเรื่องวัตถุมงคลที่ทั้งคู่ทำขึ้นมานั้นทำจำนวนสามครั้ง เงินต่างๆ ที่ได้มาก็ครั้งละเป็น 1,000,000 แต่เงินไม่เคยถึงวัดหรือนำมาทำบุญ ในเรื่องที่กล่าวหาครูบาไก่นั้นทั้งเรื่องภาพเรื่องแชต เรื่องที่นำเงินบริจาคไปให้ผู้ชายหรือผู้หญิงนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด


ในเรื่องการทำวัตถุมงคลนั้นตนเองเคยได้ยินเพราะสองคนที่กล่าวหานั้นช่วงบนกฐินมีการพูดคุยกับญาติโยมว่าถ้าไม่นำเงินมาให้ก่อนก็จะไม่ได้วัตถุมงคล ซึ่งในเรื่องนี้ทางวัดทางกรรมการทุกส่วนไม่มีใครรู้เรื่องนี้เลย ที่รับรู้แน่ๆ นี่คือสามครั้งที่ทำแบบนี้

พอได้เงินก็เอาไปเลย เรื่องหลังคาพระวิหารที่มีคนบริจาคเงิน 1 ล้านบาทเพื่อทำบุญสร้างหลังคาพระวิหาร ยืนยันว่าในส่วนของทางวัดไม่เคยมีเข้ามาแต่อย่างใดมีเพียงสองคนที่รับทำเอาเองโดยที่ทางวัดไม่มีใครรู้เรื่องทราบแค่ว่าจะนำมาทำบุญทำตรงนั้นตรงนี้แต่ไม่ได้บอกว่าจะมาทำบุญสร้างหลังคาหรือมาทำบุญในส่วนใด สุดท้ายพอได้เงินก้อนนี้ไปทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยจะทำก็หยุดชะงักลง แถมยังไปบอกช่างว่าไม่ต้องมุงหลังคาแล้วหยุดแล้วก่อนจะขนบ้านน็อกดาวน์หนีไปจนถึงปัจจุบัน


กำลังโหลดความคิดเห็น