ศูนย์ข่าวศรีราชา - Goldenleaf Thailand พร้อมลุยตลาดต้นน้ำถึงปลายน้ำ ดันผลิตภัณฑ์กัญชาสู่พืชเศรษฐกิจสร้างรายได้ในปี 2566 เชื่ออัตราเติบโตไม่น้อยกว่า 120% หลังสภาฯ ผ่านฉลุยกัญชาไม่ใช่ยาเสพติด
นายอิทธิศักดิ์ เห็นใจชน ผู้บริหาร Goldenleaf Thailand และผู้บริหาร BK แฮมพ์ (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของฟาร์มกัญชารายใหญ่ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เผยถึงการต่อยอดกัญชาให้เป็นพืชเศรษฐกิจของไทยว่ามีทิศทางที่สดใสมากขึ้น หลังการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ในช่วงที่ผ่านมาได้มีมติในมาตรา 3 ที่ระบุว่า กัญชา กัญชงไม่ถือเป็นยาเสพติดให้โทษตามกฎหมาย
โดยกรรมาธิการ (กมธ.) ยังได้ยินยอมให้ตัดเนื้อหา “กัญชาไม่ใช่ยาเสพติดให้โทษ” ออกไปซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นด้วย 201 เสียงวันนี้จึงเหลือเพียงรอให้รัฐบาลกำหนดเรื่องกัญชาเป็น พ.ร.บ.ที่ต้องมีกฎหมายลูกควบคุม
“ในแง่ของเศรษฐกิจหลังมีการประกาศให้กัญชง-กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ เรามองว่าในอนาคตความต้องการใช้กัญชาทางการแพทย์ของไทยจะเติบโตขึ้นเพราะกัญชา สามารถบำบัดรักษาได้หลายโรค โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ความดัน และนอนไม่หลับ ขณะที่ผู้ป่วยหลายรายเลือกใช้กัญชาในการบำบัดรักษาโรคมะเร็งโดยเฉพาะผู้ป่วยในระยะที่ 4”
และยังเชื่อว่าปัจจุบันคนไทยให้ความสนใจในการใช้กัญชาเพื่อการบำบัดรักษาโรคมากขึ้นเช่นเดียวกับการนำกัญชามาใช้ในการดูแลสุขภาพและผิวพรรณ
“ในปี 2566 Goldenleaf Thailand ตั้งเป้าที่จะเดินหน้าทำการตลาดผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องสำอางที่ได้จากสารสกัด CBD ซึ่งมีสรรพคุณทางยา ทั้งช่วยลดการอักเสบของเซลล์ ช่วยในการนอนหลับทำให้หลับลึก และเสริมสร้างเรื่องภูมิคุ้มกันและการต่อต้านสารอนุมูลอิสระด้วยหวังว่าจะสามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศได้อย่างมหาศาล”
ทั้งนี้ ในปี 2565 ที่ผ่านมา Goldenleaf Thailand ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากกัญชาทั้ง เครื่องดื่มโซดากัญชา น้ำกัญชา เบียร์กัญชา และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่มีทั้งเซรั่มและครีมกันแดดที่สามารถจำหน่ายได้ในราคาเพียงหลักร้อย เพื่อช่วยให้คนไทยเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพได้ง่ายขึ้น
และยังเตรียมทำผลิตภัณฑ์นวดเพื่อผ่อนคลายอีกหลายชนิดที่จะเปิดตลาดในปี 2565 รวมทั้งการกระจายผลิตภัณฑ์ให้ถึงมือประชาชนได้ง่ายขึ้น
นายอิทธิศักดิ์ ยังเผยถึงมูลค่าการตลาดผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องกับกัญชาในปี 2565 ว่ามีมากถึงหลายหมื่นล้านบาท และในปี 2566 ยังเชื่อว่ากระแสการใช้กัญชาเพื่อการรักษาจะมีเพิ่มมากขึ้นในกลุ่มคนไทยซึ่งจะดันให้การเติบโตของตลาดมีมากถึง 120%
“ถ้าเทียบกับต่างประเทศอย่างอเมริกา หรือยุโรปที่เปิดตลาดมานานกว่า 10 ปี เราจะเห็นได้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเขายังไปได้อีกมากเพราะกัญชาเป็นพืชที่เกี่ยวกับสุขภาพ ขณะที่ประเทศไทยในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เราจึงเน้นเรื่องการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อต่อยอดธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพและการบำบัดรักษา”
นายอิทธิศักดิ์ ยังขอให้ผู้ที่สงสัยในเรื่องของการใช้กัญชามองในภาพบวกว่า กัญชามีประโยชน์ในแง่ของการรักษา เพียงแต่คนไทยยังขาดองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้กัญชาทางการแพทย์ ผิดกับในต่างประเทศที่มีงานวิจัยให้ประชาชนได้เรียนรู้จนสามารถพัฒนากัญชาสู่ธุรกิจและสันทนาการต่างๆ ได้
“ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะพบว่าการขยายตัวของธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับกัญชาเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่นในประเทศสหรัฐฯ ที่เปิดให้มีการใช้กัญชาได้อย่างเสรีทั้งประเทศ เช่นเดียวกับแคนาดา และประเทศแถบยุโรปที่วันนี้กัญชาสามารถเข้ามาช่วยในเรื่องของการบำบัดรักษา ซึ่งหากประเทศไทยสนับสนุนให้มีการใช้กัญชาทางการแพทย์จะช่วยลดต้นทุนการสั่งซื้อยาแพงๆ ได้”
ขณะที่ความตื่นตัวของธุรกิจกัญชาในประเทศไทยที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2564 เห็นได้ชัดว่ายอดการขายผลิตภัณฑ์กัญชาพุ่งสูงถึง 120% และเชื่อว่าเมื่อประเทศไทยเปิดเสรีเรื่องกัญชาเป็นประเทศแรกในเอเชียจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากยุโรปให้เดินทางมาประเทศไทยได้เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน