น่าน - รองเลขาธิการฯ ผู้ตรวจการแผ่นดินยกคณะลุยฝ่าป่าลุ่มน้ำชั้น 1A พิสูจน์พื้นที่ยื่นขอเปิดจุดผ่อนปรนค้าไทย- ลาว ชายแดนเวียงสา หลังชาวบ้านร้องผ่านมา 10 ปีผู้ว่าฯ ไม่ยอมเปิด เสียโอกาสค้าขาย
นายทิฆัมพร ยะลา รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและแสวงหาข้อเท็จจริงกรณี นายธเนศ ตาชม ทนายความพร้อมชาวจังหวัดน่าน ได้ร้องเรียนและกล่าวอ้างว่าผู้ว่าฯน่านไม่ดำเนินการออกประกาศจังหวัดให้เปิดจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนไทย-ลาว บ้านน้ำปี้ หมู่ที่ 5 ต.น้ำมวบ อ.เวียงสา จ.น่าน กลางสัปดาห์นี้
ทั้งที่คณะอนุกรรมการพิจารณาการเปิดจุดผ่อนปรน และหนังสือของกระทรวงมหาดไทยที่ให้จังหวัดน่านดำเนินการเมื่อปี 2556 แต่ผ่านมาแล้ว 10 ปี จังหวัดน่านยังไม่ออกประกาศเพื่อเปิดจุดผ่อนปรนการค้าบ้านน้ำปี้ ซึ่งถือเป็นการละเลยการปฏิบัติหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ส่งผลให้ผู้ร้องเรียนและชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน
นายกฤชเพชร เพชระบูรณิน รองผู้ว่าฯ น่าน นายอำเภอเวียงสา ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดน่าน กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 324 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงและรายงานผลการดำเนินงาน ที่หอประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำมวบ อ.เวียงสา จ.น่าน
ฝ่ายผู้ร้องเรียน ซึ่งประกอบด้วย นายธเนศ ตาชม ทนายความ พร้อมด้วยนายสุนทร มหาวงศนันท์ อดีตนายอำเภอเวียงสา ตัวแทนผู้ประกอบการและชาวบ้าน ได้ชี้แจงถึงความต้องการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าบ้านน้ำปี้ ทุกวันเสาร์ เวลา 08.00-16.00 น. และขอประกาศให้หมู่บ้านแนวชายแดนติดกับ บ้านแค่น เมืองทุ่งมีไช แขวงไซยะบุรี สปป.ลาว เป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน
เพื่อให้ชาวบ้านในพื้นที่ทั้งสองฝั่งประเทศได้ซื้อขายสินค้าท้องถิ่น สินค้าอุปโภคบริโภค เกิดธุรกรรมทางเศรษฐกิจการค้า รวมทั้งยังพัฒนาให้เป็นเส้นทางการท่องเที่ยวของอำเภอเวียงสา ไปสู่ สปป.ลาว
ด้านนายอาภรณ์ นิลศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดน่าน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้รายงานข้อเท็จจริงและผลการดำเนินการตลอด 10 ปีที่ผ่านมาว่าได้มีการประชุมหารือเพื่อกำหนดแนวทางดำเนินการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าชายแดนบ้านน้ำปี้
โดยองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำมวบได้ขอใช้พื้นที่ป่า 379 ไร่ และขอผ่อนผันปรับปรุงผิวเส้นทางระยะ 17 กิโลเมตร แต่ด้วยเส้นทางและจุดผ่อนปรนบ้านน้ำปี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติศรีน่าน และอุทยานแห่งชาติแม่จริม สภาพพื้นที่เป็นลุ่มน้ำคุณภาพชั้น 1A ที่ยังคงมีสภาพป่าสมบูรณ์ เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ทำให้มีข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งเรื่องแนวเขตและด้านความมั่นคง
ซึ่งสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ 13 (แพร่) แจ้งให้ อบต.น้ำมวบ ว่าต้องปฏิบัติตามมติ ครม. โดยห้ามตัดถนนใหม่ ไม่ให้มีการขยายเส้นทางสัญจรขึ้นใหม่ แต่ให้ปรับปรุงผิวถนนแทน รวมทั้งต้องประสานกับกรมอุทยานแห่งชาติฯ ต้องจัดทำการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA และให้ดำเนินการขอผ่อนผันการขอใช้พื้นที่ป่าไปยังกรมอุทยานแห่งชาติฯ ตามลำดับขั้นตอนกฎหมาย แต่ทาง อบต.น้ำมวบยังไม่สามารถดำเนินการตามมติที่ประชุมของจังหวัดน่านได้ จึงยังไม่สามารถออกประกาศเปิดจุดผ่อนปรนการค้าบ้านน้ำปี้
หลังจากการรับฟังข้อเท็จจริงแล้ว รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมคณะทั้งหมด และสื่อมวลชนได้เข้าพื้นที่จริง เพื่อตรวจสอบข้อมูลจากจุดแนวชายแดนแนวสันเขาเส้นยางแบ่งฝั่งไทย-ลาว จนถึงหมู่บ้านน้ำปี้ หมู่ที่ 5 ที่ขอเปิดจุดผ่อนปรนการค้าตลอดเส้นทาง 17 กิโลเมตร พบว่าพื้นที่กันนอกเขตป่าอนุรักษ์ติดหมู่บ้าน มีชาวบ้านทำพื้นที่การเกษตร ปลูกข้าวโพด มันสำปะหลัง และยางพารา แต่พื้นที่ป่าชั้นในจนถึงแนวชายแดนมีสภาพป่าไม้สมบูรณ์ มีไม้ขนาดใหญ่ และลำห้วยมากถึง 40 แห่ง
ซึ่งหากมีการเปิดจุดผ่อนปรนการค้าที่บ้านน้ำปี้ ระยะทางจากแนวชายแดนเข้ามาถึงตัวด่าน มีความจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงด้านความมั่นคง โดยเฉพาะเรื่องการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า การลักลอบแรงงานเถื่อน สิ่งของผิดกฎหมาย ยาเสพติดและอาชญากรรม ที่อาจจะเกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอเวียงสา และจังหวัดน่าน
นายทิฆัมพร ยะลา รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า หลังรับฟังข้อเท็จจริงและการตรวจสอบสภาพพื้นที่ จะได้รวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงทั้งหมดเพื่อประมวลผลให้รอบด้านเพื่อสรุปผลและนำเสนอต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้มีคำวินิจฉัยต่อไป