บุรีรัมย์ - จบดรามา! จนท.สรรพสามิตบุกค้นบุหรี่ในห้องนอนบ้านเมียอดีตทหารพรานเปิดเป็นร้านขายของชำที่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ โดนแจ้งความทำเกินกว่าเหตุ ล่าสุดสรรพสามิตทั้ง 8 นายที่เข้าตรวจค้นและปรากฏในกล้องวงจรปิดเข้าพบ ตร.พร้อมยันทำตามหน้าที่และแจงเหตุผล หลังพูดคุยทำความเข้าใจต่างฝ่ายต่างขอโทษ ป้าเจ้าของร้านไม่ติดใจเอาเรื่อง
วันนี้ (17 ต.ค.) จากกรณี น.ส.สุกัญดา บุตรสืบสาย อายุ 53 ปี ภรรยาอดีตทหารพราน ซึ่งเปิดร้านขายของชำอยู่ตำบลสำโรงใหม่ อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์ ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.ละหานทราย ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของชายหญิงจำนวน 8 คน ที่แสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่สรรพสามิต หลังเข้าไปตรวจค้นร้านขายของชำเพื่อหาเหล้าบุหรี่ผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่กลับบุกเข้าไปตรวจค้นถึงในห้องนอน ตู้เสื้อผ้า ลิ้นชักและข้าวของส่วนตัวภายในบ้าน ทั้งที่ไม่ได้มีหมายค้น หรือเอกสารอะไรเพื่อมาแสดงขอทำการตรวจค้น แต่ไม่เจอสิ่งผิดกฎหมายอะไร พบเพียงบุหรี่หนีภาษี 6 ซอง ซึ่งป้าเจ้าของร้านยืนยันว่าเป็นของสามีซื้อมาไว้สูบเองไม่ได้จำหน่าย แต่ชุดที่เข้าตรวจค้นยืนยันว่าเป็นบุหรี่ปลอมเมื่อตรวจพบในสถานที่ที่ขออนุญาตจำหน่ายเหล้าบุหรี่ก็ต้องดำเนินการจับปรับตามกฎหมาย โดยได้ทำการเปรียบเทียบปรับ 2,425 บาท แต่เป้าเจ้าของร้านมองว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุจนกลายเป็นประเด็นดรามานั้น
ล่าสุดวันนี้ นายวิชญ์นุพงษ์ วิสัยศิกร หัวหน้าสรรพสามิตสาขาประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่สรรพสามิตสาขาประโคนชัยรวม 8 นาย ที่เข้าตรวจค้นร้านขายของชำของ น.ส.สุกัญดา ตามที่ปรากฏในคลิปกล้องวงจรปิด ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ละหานทราย เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับกรณีที่เข้าตรวจค้นร้านค้าดังกล่าว โดยหัวหน้าสรรพสามิตชี้แจงว่า สาเหตุที่เข้าตรวจสอบร้านค้าดังกล่าวเนื่องจากเป็นร้านที่ได้รับใบอนุญาตให้ขายสุราและยาสูบ ตามพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 เจ้าหน้าที่จึงมีอำนาจที่จะเข้าทำการตรวจสอบร้านค้า และเมื่อตรวจสอบแล้ว พบบุหรี่ที่มิชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 6 ซอง จึงมีอำนาจจับกุม ตาม ป.วิอาญา มาตรา 80 ซึ่งเป็นความผิดซึ่งหน้า ประกอบกับเคยมีประวัติกระทำผิด กรณีดังกล่าวมาแล้ว อีกทั้งมีเหตุอันควรสงสัยว่าจะมีสินค้าที่มิชอบด้วยกฎหมายซุกซ่อนอยู่ เจ้าหน้าที่จึงสามารถตรวจค้นได้ ตาม ป.วิอาญา มาตรา 92 (4) และพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 มาตรา 123 ซึ่งเจ้าของร้านค้ายินยอมนำพาตรวจสอบโดยตลอด
สำหรับการเปรียบเทียบปรับ ก็ทำตามระเบียบกรมสรรพสามิตว่าด้วยการเปรียบเทียบคดี พ.ศ. 2560 หมวด 2 ข้อ 8 วรรค 2 ในกรณีที่มีความจำเป็นจะต้องเปรียบเทียบคดีให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุดนั้น สามารถไปดำเนินการเปรียบเทียบคดีนอกสถานที่ตั้งปกติของสำนักงานได้ โดยใช้สถานที่ของหน่วยงานราชการอื่นแทน ซึ่งในกรณีนี้ได้ดำเนินการเปรียบเทียบคดีผู้ต้องหา ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาละหานทราย ภายในที่ว่าการอำเภอละหานทราย ตามใบเสร็จรับเงินค่าปรับในคดีของกรมสรรพสามิต เล่มที่ 00789 เลขที่ 10 จำนวน 2,425.20 บาท
โดยเจ้าพนักงานสรรพสามิตมิได้ทำการบังคับ ขู่เข็ญ เรียกรับหรือยอมรับซึ่งทรัพย์สินหรือยึดสิ่งหนึ่งสิ่งใดของผู้กระทำความผิด จึงได้ให้ผู้กระทำความผิดลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานต่อหน้าเจ้าพนักงานสรรพสามิต ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่สรรพสามิตได้ดำเนินการทุกขั้นตอนตามกฎหมายของระเบียบการตรวจค้นและระเบียบการเปรียบเทียบคดีทุกประการ และยืนยันว่าเจ้าหน้าที่มีการแต่งเครื่องแบบและแสดงตัวชัดเจน
โดยหลังจากมีการชี้แจงต่อหน้าพนักงานสอบสวน และได้พูดคุยทำความเข้าใจกับป้าเจ้าของร้าน ต่างฝ่ายต่างก็เข้าใจ และยกมือไหว้ขอโทษซึ่งกันและกัน ซึ่งป้าเจ้าของร้านที่แจ้งความไว้ก็ไม่ได้ติดใจจะเอาเรื่อง เพราะไม่อยากให้เรื่องบานปลายหากยืนยันว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงและทำตามหน้าที่ ตนก็สบายใจเพราะตอนแรกไม่มั่นใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ทำไมต้องเข้าไปค้นถึงในห้องนอน