วิจัยพบคนไทยสูบบุหรี่เฉลี่ย 2,815 ล้านซองต่อปี พบ 18% สูบบุหรี่หนีภาษี ทำไทยสูญรายได้ปีละกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 1 ใน 4 ของรายได้ภาษีที่เก็บได้จริง "หมอประกิต" วอน นายกฯ เร่งปราบบุหรี่เถื่อน
เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ผศ.ดร.ภิฤดี ภวนานันท์ นักวิจัยโครงการวิจัยการประมาณการการค้าและการบริโภคบุหรี่ผิดกฎหมายในประเทศไทย ปี 2013-2018 สนับสนุนโดยศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) เปิดเผยว่า จากการทำวิจัยการประมาณการการค้าและการบริโภคบุหรี่ผิดกฎหมายในประเทศไทย ปี 2013-2018 หรือช่วงเวลา 5 ปี โดยวิเคราะห์ข้อมูลความแตกต่างของปริมาณการขายบุหรี่ซิกาแรตที่ถูกกฎหมายจากกรมสรรพสามิตและการยาสูบแห่งประเทศไทย กับปริมาณการบริโภคบุหรี่ จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ และการวิเคราะห์ความแตกต่างของปริมาณการค้าบุหรี่ระหว่างประเทศ จากประเทศส่งออกต้นทางมายังไทย โดยใช้ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของสหประชาชาติ UN-Comtrade พบว่า เฉลี่ยคนไทยสูบบุหรี่ 2,815 ล้านซองต่อปี จำนวนนี้ 522 ล้านซองหรือ 18% เป็นบุหรี่หนีภาษี ซึ่งไม่รวมบุหรี่ที่ลักลอบนำเข้าจากชายแดนหรือประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นการลักลอบขนาดเล็ก ทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียรายได้จากบุหรี่ลักลอบที่หลีกเลี่ยงภาษีโดยเฉลี่ยประมาณ 23% ของรายได้ภาษีที่จัดเก็บได้ คิดเป็น 13,974 ล้านบาทต่อปี หรือเกือบ 1 ใน 4 ของรายได้ภาษีที่เก็บได้จริงจากบุหรี่หนีภาษี
ศ.นพ. ประกิต วาทีสาธกกิจ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่โดยเฉพาะจังหวัดภาคใต้ สถานการณ์บุหรี่หนีภาษีรุนแรงมาก สอดคล้องกับที่สมาคมการค้ายาสูบไทยออกมาเรียกร้องอย่างต่อเนื่อง ขอให้รัฐบาลเอาจริงกับการปราบปรามบุหรี่หนีภาษี ซึ่งคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ มีมติตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน เสนอให้รัฐบาลไทย เร่งลงสัตยาบันในพิธีสารขจัดการค้ายาสูบผิดกฎหมาย ของอนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลก เพื่อยกเครื่องการควบคุมบุหรี่หนีภาษีทั้งระบบ แต่ยังไม่มีการดำเนินการ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก
ศ.นพ ประกิต กล่าวว่า บุหรี่หนีภาษีที่มีปริมาณมากในไทย นอกจากรัฐบาลจะสูญเสียรายได้จากภาษีที่ควรจะได้รับปีละนับหมื่นล้านบาทแล้ว ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชน บุหรี่ไม่เสียภาษีมีราคาถูกมาก ทำให้คนสูบบุหรี่สูบในปริมาณมาก ไม่มีความคิดที่จะเลิกสูบ ทำให้เด็กและเยาวชนเข้ามาติดบุหรี่มากขึ้น อีกทั้งบุหรี่หนีภาษีเกือบทั้งหมดเป็นบุหรี่ต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อกิจการของการยาสูบแห่งประเทศไทยที่จะขายบุหรี่ได้น้องลง กระทบถึงชาวไร่ยาสูบที่จะได้รับโควตาปลูกยาสูบลดลง ร้านค้าปลีกที่ขายบุหรี่ถูกกฎหมายจะขายได้น้อยลงด้วย เพราะคนหันไปสูบบุหรี่หนีภาษีราคาถูกที่หาซื้อได้ง่าย
“การเร่งรัดลงทุนปราบปรามบุหรี่หนีภาษี จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า รัฐบาลต้องเร่งลงสัตยาบันในพิธีสารขจัดยาสูบที่ผิดกฎหมาย เพื่อกำจัดการค้าที่ผิดกฎหมายในผลิตภัณฑ์ยาสูบ ในกรอบอนุสัญญาควบคุมยาสูบ องค์การอนามัยโลก จะช่วยประเทศที่เป็นภาคีเพิ่มขีดความสามารถในการควบคุมบุหรี่หนีภาษีเป็นวิน-วิน ทั้งด้านการจัดเก็บภาษีได้มากขึ้นและคนสูบบุหรี่ลดลง จึงอยากฝากเรื่องนี้ถึงนายกรัฐมนตรีให้เร่งดำเนินการด่วน” ศ.นพ.ประกิต กล่าว