xs
xsm
sm
md
lg

วงจรปิดมัดนางโจรแสบฉก จยย.ส่งขายฝั่งลาว แต่ลักไม่ตรงสเปกวนหาคันใหม่สุดท้ายถูกรวบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นครพนม - กล้องวงจรปิดจับภาพโจรสาวย่องเข้ามาขโมยมอเตอร์ไซค์ถึงในบ้าน เจ้าของจำหน้าได้ชัดเจนแจ้งความพร้อมโพสต์ภาพลงโซเชียลให้ช่วยแจ้งเบาะแส สุดท้ายเจ้าทุกข์อีกรายที่ถูกลัก จยย.ไปก่อนนี้เจอนางโจรขับวนในหมู่บ้านช่วยกันล็อกตัวส่งตำรวจ สารภาพหาลักจักรยานยนต์ตามคำสั่งซื้อลูกค้าฝั่งลาว 4 คัน แต่คันที่ 4 เป็นยี่ห้อยามาฮ่าไม่ใช่ฮอนด้าอย่างที่ลูกค้าต้องการเลยต้องหาลักใหม่


จากกรณีนางเพชรา เพ็งที อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 หมู่ 1 บ้านดอนยายาง ต.นาทราย อ.เมือง จ.นครพนม ได้ร้องทุกข์ไว้ต่อนายจำนงค์ อ่อนพิทา กำนันตำบลนาทราย ว่าถูกโจรลักษณะเป็นหญิงสาวลักรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นสปาร์ค สีดำแดงที่จอดไว้หน้าบ้านเมื่อกลางดึกของวันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา เวลาราว 01.00 น.ก่อนจะเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.ท.สัจจนันท์ บางทราย รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม พร้อมนำภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกได้ขณะที่คนร้ายมาจูงรถจักรยานยนต์ออกไปได้ เห็นรูปพรรณของคนร้ายอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ นางเพชรายังได้นำภาพผู้ก่อเหตุจากกล้องวงจรปิดโพสต์ลงในสื่อโซเชียลเพื่อให้ชาวโซเชียลช่วยแจ้งเบาะแสโจรหญิงรายนี้อีกแรงหนึ่ง


ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 05.30 น. วันนี้ (16 ต.ค.) นายจำนงค์ อ่อนพิทา กำนันตำบลนาทราย ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบเห็นคนร้ายกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์อยู่ที่ทางแยกเข้าบ้านผึ้ง ริมถนนนิตโย จึงนำกำลังฝ่ายปกครองตำบลนาทรายเข้าตรวจสอบ พบว่าพลเมืองดีได้คุมตัวนางสาวน้ำฝน (ขอสงวนนามสกุล) ไว้พร้อมรถจักยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นสปาร์คสีดำแดงไว้แล้ว

นายจำนงค์ อ่อนพิทา กำนันตำบลนาทราย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้นางสาวน้ำฝนได้ก่อเหตุลักทรัพย์ที่ร้านค้าของภรรยาตนเองในหมู่บ้าน โดยขโมยที่ชาร์จแบตเตอรี่และโทรศัพท์มือมือแต่ถูกจับได้ และได้ยึดบัตรประชาชนไว้ และเมื่อเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่มาขโมยรถจักยานยนต์ที่บ้านของนางเพชรา ก็ทราบทันทีว่าผู้ก่อเหตุเป็นนางสาวน้ำฝน และหลังจากที่โพสต์รูปผู้ก่อเหตุในโลกโซเชียล ชาวบ้านที่พบเห็นที่ทราบข่าวพบเห็นผู้ก่อเหตุขับขี่รถจักรยานยนต์อยู่แถวนั้นจึงควบคุมตัวไว้ได้ และตนได้ติดต่อผู้เสียหายคือนางเพชรา ให้มาดูรถจักยานยนต์ของกลาง

ซึ่งนางเพชราก็ยืนยันว่าเป็นรถของตนที่หายไปจริง ถึงแม้จะถูกถอดแผ่นป้ายทะเบียนและชิ้นส่วนบางชิ้นออกเพื่อตบตาผู้พบเห็น ก็ยังสามารถจดจำได้ ตนจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมารับตัวผู้ก่อเหตุทันที พร้อมนำตัวมาตรวจสารเสพติด ก็พบปัสสาวะเป็นสีม่วง ยังให้การวกวนเนื่องจากฤทธิ์ยาบ้า

ทั้งนี้ นางสาวน้ำฝนรับว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาได้เสพยาบ้าไป 3 เม็ด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวไว้และให้พาไปยังจุดนัดพบกับเพื่อนที่รีสอร์ตไทญ้อทันที แต่เมื่อไปถึงก็ไม่พบอะไร จากการสอบถามพนักงานรีสอร์ตพบว่ารถจักยานยนต์ที่นำมาจอดซุกไว้ทั้ง 3 คันได้ถูกนำออกจากรีสอร์ตไปตั้งแต่ตอนเย็นวันที่ 15 แล้ว คาดว่าทั้ง 3 คันได้ถูกส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านเรียบร้อยแล้ว


ด้านนางสาวน้ำฝนสารภาพว่า วันเกิดเหตุตนร่วมกับเพื่อนสาวชื่อแอนและสามีชื่ออ้าย มาลักจักรยานยนต์ที่บ้านของนางเพชราเพื่อส่งขายไปยังฝั่งลาว โดยนางแอนและสามีได้เช่าห้องพักอยู่ที่รีสอร์ตไทญ้อ บ้านท่าดอกแก้ว อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม โดยมีคำสั่งซื้อรถเพื่อส่งข้ามฝั่งประเทศเพื่อนบ้านจำนวน 4 คัน แต่มีซุกซ่อนไว้ที่รีสอร์ตแล้ว 3 คัน คือรถฮอนด้าเวฟหนึ่งคัน ฮอนด้าคลิก และฮอนด้าโซนิก สีดำแดงทั้งหมด ยังขาดอีกหนึ่งคันจึงพากันออกตระเวนลักรถเพื่อให้ครบจำนวน แต่เมื่อลักรถมาแล้วกลับเป็นรถยามาฮ่า ซึ่งไม่ตรงต่อความต้องการของลูกค้า ตนจึงเอารถคันดังกล่าวออกมาตระเวนเพื่อหารถยามาฮ่าให้ได้

โดยให้นางสาวแอนและแฟนหนุ่มรอที่ห้องพักรีสอร์ตไทญ้อ แต่หลังจากตระเวนหาเหยื่อทั้งคืนก็ไม่สามารถหาได้ จนมาถึงจุดเกิดเหตุก็ถูกพลเมืองดีควบคุมตัวเนื่องจากสงสัยว่าเป็นรถที่ขโมยมา หลังจากถูกจับได้ตนก็โทร.ไปหาเพื่อนแต่ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว




ขณะที่นางเพชรา เพ็งที อายุ 58 ปี เจ้าของรถจักรยานยนต์ที่ถูกขโมยเปิดเผยว่า วันเกิดเหตุตนได้จอดรถจักยานยนต์ไว้หน้าบ้านพร้อมทิ้งกุญแจรถไว้ที่ตะกร้าหน้ารถ ซึ่งก็ทำแบบนี้เป็นประจำทุกวันก็ไม่เคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่หลังจากที่นางสาวฝนเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านก็มีเหตุการณ์ลักเล็กขโมยน้อยเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ก็ไม่คิดว่าผู้ก่อเหตุจะเป็นนางน้ำฝน เพราะเห็นเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ซึ่งเมื่อเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วก็รู้ทันทีว่าเป็นนางสาวน้ำฝน เพราะเห็นหน้าชัดเจนและจำหน้าได้ทันที

“อยากฝากเตือนผู้ที่มีรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะยี่ห้อฮอนด้าให้ระมัดระวังเก็บรักษาให้ดีอย่าเสียบกุญแจคาไว้กับรถ เพราะรถยี่ห้อนี้เป็นที่ต้องการของขบวนการส่งรถข้ามโขงไปขายยังฝั่งลาว โดยพลเมืองดีที่พบตัวนางสาวฝนก็ถูกขโมยรถไปเหมือนกันจึงออกติดตาม ซึ่งคาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน” นางเพชรากล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น