นครสวรรค์ - สองพี่น้องหนุ่มตาคลี ผู้ต้องหารุมยำ-ฟาดหัวสาวเจ้าของร้านเค้กหัวแตกเลือดอาบเย็บ 8 เข็ม ดอดขี่มอเตอร์ไซค์เข้าโรงพักมอบตัวกลางดึก อ้างโดนพูดให้ร้าย-เข้าไปถามให้หายคาใจ ก่อนเรื่องลาม เหยื่อชี้พิรุธตัดจบไม่ให้ถึง “พี่ตั้ม” ตร.คนสั่งการ
ความคืบหน้ากรณี น.ส.พรพิมล หุ่นพ่วง หรือแนน อายุ 29 ปี เจ้าของร้านเค้กสุขใจ วงเวียนตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ โพสต์ร้องเรียนว่าลูกน้องคนสนิทตำรวจนครสวรรค์ จำนวน 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์มาทำร้ายร่างกายจนศีรษะแตกเย็บ 8 เข็ม และนำภาพจากกล้องวงจรปิดขึ้นโรงพัก สภ.ตาคลี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีแล้ว
ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวกำลังเป็นที่สนใจของประชาชนทั่วประเทศ เนื่องจากคนที่รุมทำร้ายสาวเจ้าของร้านเค้กรายนี้เป็นลูกน้องคนสนิทของตำรวจในจังหวัดนครสวรรค์ที่รับราชการในพื้นที่ สภ.ตาคลี ด้วย และขณะทำร้ายประกาศให้ชาวบ้านรู้เสียงดังว่า "มาสั่งสอนคนที่พูดไม่ดีกับพี่ตั้ม"
ล่าสุดเมื่อเวลา 22.00 น.เศษที่ผ่านมา (15 ต.ค. 65) นายทศพล โพธิ์กัน หรือเหี่ยว และนายนิพนธ์ โพธิ์กัน หรือแชมป์ ผู้ต้องหาในคดีนี้ ซึ่งปรากฏภาพในกล้องวงจรปิดขณะทั้งคู่เข้าไปทำร้าย น.ส.พรพิมล หุ่นพ่วง หรือแนน ในร้านเค้กสุขใจเมื่อวันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมาจนได้รับบาดเจ็บ ได้ขี่รถจักยานยนต์มาคนละคันมาจอดที่หลังโรงพัก เข้ามอบตัวต่อ พ.ต.ต.อาทิตย์ แย้มกลิ่น สารวัตรสืบสวน สภ.ตาคลี โดยตำรวจได้พาตัวเข้าห้องสืบสวนด้านหลัง สภ.ตาคลีทันที
ต่อมาตำรวจได้เปิดให้สื่อมวลชนสอบถามผู้ต้องหา นายทศพล หรือเหี่ยว บอกว่า การมามอบตัวครั้งนี้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้หนีไปไหน และยอมรับว่าเป็นคนลงมือทำร้ายร่างกายนางสาวแนนจริง เนื่องจากวันเกิดเหตุตั้งใจไปซื้อขนมเค้กที่ร้าน แต่เมื่อเจอหน้านางสาวพรพิมลเกิดมีปากเสียงกัน เพราะว่าที่ผ่านมานางสาวพรพิมลพูดใส่ร้ายตนและน้องว่าเป็นคนไม่ดี เป็นสายตำรวจและชอบไปล่อซื้อยาเสพติด จึงสอบถามเพราะคาใจจนเกิดมีปากเสียงกันนำมาซึ่งการทำร้ายกันจริง โดยตนได้ใช้หมวกกันน็อกตีไปที่ศีรษะนางสาวแนน
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้จักตำรวจชื่อตั้มหรือไม่ นายทศพลตอบว่าเคยเห็นหน้าแต่ไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว และไม่ได้มาเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้
จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนไปสอบสวนต่อ และควบคุมตัวดำเนินคดีต่อไป
ด้านนางสาวพรพิมล หรือแนน เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมในฐานะผู้เสียหาย เนื่องจากจู่ๆ ผู้ต้องหาที่ทำร้ายร่างกายตนจนสาหัสก็ขี่รถจักยานยนต์มามอบตัว ทั้งที่ตำรวจตามจับหลังตนไปแจ้งความก็ยังหาตัวไม่เจอ แต่จู่ๆ ก็โผล่มามอบตัวเหมือนไปซ้อมคำให้การกันมา ตนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดไม่ยอมความแน่นอน และเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ตนด้วย
“ตอนหัวค่ำดิฉันและครอบครัวไปรอชี้ตัวผู้ต้องหาทั้งคู่ที่ สภ.ตาคลี แต่ตำรวจไล่ให้กลับบ้านไปไม่ต้องการให้เจอหน้ากัน บอกว่าชี้รูปผู้ต้องหาไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาชี้ตัวอีก ทำให้ไม่ได้เจอหน้าผู้ต้องหา มันผิดปกติจริงๆ ตำรวจทำงานแบบนี้ ซึ่งคำให้การของผู้ต้องหาที่บอกว่าดิฉัาไปใส่ร้าย กล่าวหาว่าทั้งสองคนเกี่ยวข้องในเรื่องสายของยาเสพติด ดิฉัาจะไปพูดแบบนั้นทำไม เพราะไม่เคยรู้จักผู้ต้องหาทั้งคู่เลย”
นางสาวพรพิมลบอกอีกว่า ตนและครอบครัวไปอาศัยอยู่ใน อ.หนองบัว นานกว่า 3 ปี ไปคลอดลูกไปทำมาหากินอยู่ เพิ่งเดินทางมาเปิดร้านเค้กที่ตาคลีได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น จึงไม่เคยรู้จักผู้ต้องหาทั้งสองคนเลย จะไปกล่าวหาได้อย่างไร คนร้ายจะพูดอะไรก็ได้เพื่อให้คนที่สั่งการพ้นผิด
“เรื่องนี้รู้อยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะความไม่พอใจกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างดิฉันกับตำรวจและเมียตำรวจที่จอดรถขวางหน้าร้านกัน นำมาซึ่งความรุนแรงและส่งคนมาทำร้ายดิฉันจนบาดเจ็บ ตำรวจจะขยายผลแบบนี้หรือ ดิฉันต้องขอความเป็นธรรมด้วย” นางสาวพรพิมลกล่าว
