หนุ่มชาวอิสราเอล พร้อมบุตรสาว เข้าพบ “ทนายตั้ม” ขอความช่วยเหลือกรณีถูกทหารยศร้อยโท ที่แอบเป็นชู้กับภรรยา บุกชักปืนยิงใส่ และถูกหลอกให้ยอมความ หลังแจ้งตำรวจ
วันนี้ (6 ต.ค.) ที่ สำนักงานทนายษิทรา (Sitrra Law Firm) นายรูดี้ ชาวอิสราเอล อายุ 53 ปี พร้อมบุตรสาวลูกครึ่งไทย-อิสราแอล เดินทางมาพบ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีถูกทหารนายหนึ่ง ซึ่งเป็นชู้กับภรรยาของตนที่คบหามากว่า 20 ปี ใช้อาวุธปืนยิงข่มขู่ และถูกล่ามเป็นเพื่อนภรรยาหลอกให้เซ็นยอมความ หลังแจ้งดำเนินคดีไว้ที่สภ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เหตุเกิดช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
นายษิทรา กล่าวว่า นายรู้ดี้ มาอาศัยอยู่ประเทศไทยมาหลายปี มีภรรยาเป็นคนไทยและมีลูกด้วยกัน 5 คน ชาย 3 หญิง 2 นายรูดี้ พูดภาษาฮีบรู และพูดภาษาไทย ได้น้อยมาก ช่วงประมาณวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา นายรูดี้ ได้เปิดร้านชื่อ สุนาคาเฟ่ ที่อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ขณะที่น ายรูดี้ อยู่ที่ร้านกาแฟ ได้มีทหารมาชอบพอกับภรรยาของนายรูดี้ เมื่อนายรูดี้เจอกับทหารคนดังกล่าว จึงได้ไล่ให้กลับไป จากนั้นทหารคนดังกล่าวได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่นายรูดี้ หลังเกิดเหตุจึงได้เดินทางไปแจ้งความ แต่ปรากฏว่า เจอล่าม ซึ่งเป็นเพื่อนของภรรยาของนายรูดี้ กลับไปบอกกับตำรวจ ว่า ไม่เอาเรื่อง เนื่องจากนายรูดี้ไม่เข้าใจภาษาไทย ซึ่งคดีนี้เป็นอาญาแผ่นดิน ทางตำรวจจะต้องดำเนินคดี
นางสาวบี (นามสมมติ) พนักงานในร้านคาเฟ่ กล่าวว่า วันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.00 น. เป็นวันเปิดร้านใหม่ ซึ่งมีนายรูดี้อยู่ที่ร้าน ต่อมาทหารคนดังกล่าวได้มาแอบซุ่มดูอยู่ด้านนอก ได้มีพนักงานในร้านเห็น จึงไปบอกกับนายรูดี้ ต่อมานายรูดี้จึงได้เดินไปบอกให้ทหารยศร้อยโทคนดังกล่าวกลับไป เพราะที่นี่ไม่ใช่ที่ของคุณ ก่อนที่นายรูดี้จะไปส่งที่รถ ทางทหารคนดังกล่าวมากับเพื่อนอีก 1 คน ก็ชักอาวุธปืนยิงลงที่พื้นจำนวน 4 นัด และยิงใส่นายรูดี้ 5 นัดซ้อน พร้อมกับพูดด้วยว่า ตายๆๆ แต่กระสุนไปถูกต้นยาง ทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หลังเกิดเหตุมีตำรวจท้องที่ลงมาเก็บพยานหลักฐาน ส่วนทางนายรูดี้ก็ได้เดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.สว่างแดนดิน
นางสาวบี กล่าวอีกว่า ทหารคนดังกล่าวรู้จักกับภรรยาของนายรูดี้ ประมาณ 3-4 ปีที่ผ่านมา พบกันตอนที่ทหารคนดังกล่าวเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับการซ่อมแซมถนนทางเข้าบ้านที่ จ.สกลนคร และมักจะมาหาภรรยาของนายรูดี้เป็นประจำทุกวัน
ลูกสาวนายรู้ดี้ กล่าวว่า วันนี้บิดาและตนในฐานะบุตรสาวคนที่ 3 จึงเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับทนายษิทา เนื่องจากทนพฤติกรรมของคู่กรณีบิดาไม่ไหว พร้อมเชื่อว่า สาเหตุหนึ่งที่ยังมาติดพันกับมารดา เพราะประสงค์เรื่องเงิน เนื่องจากในช่วงที่ทำร้านกาแฟ ทหารยศร้อยโทคนดังกล่าวเข้ามามีบทบาทช่วยดำเนินการหลายอย่างแทนมารดา ซึ่งไว้ใจโอนเงินให้ซื้อข้าวของเข้าร้าน และยังเข้ามาทำหน้าที่เป็นคนดูแลร้านในช่วงที่บิดาไม่อยู่ อีกทั้งทางครอบครัวของคู่กรณี ซึ่งมีภรรยาเป็นครู และลูกเป็นทหาร ก็ทราบเรื่องดี แต่ไม่กล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหานี้ หลังเกิดเหตุบิดาได้พาลูกๆ ย้ายกลับมาอยู่บ้านที่พัทยา เนื่องจากเกรงความไม่ปลอดภัย และมีแนวคิดจะพาลูกๆ กลับไปอยู่ประเทศอิสราเอลในอนาคตด้วย
ขณะที่ ทนายษิทรา ระบุว่า พฤติการณ์ของทหารยศร้อยโทรายนี้ เข้าข่ายความผิดข้อหาพยายามฆ่า พกพาอาวุธปืน และบุกรุกยามวิกาล ส่วนพนักงานสอบสวนที่รับแจ้งความเข้าอาจข่ายความผิดมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งจะนำเรื่องเข้าร้องต่อผู้บังคับบัญชา เพื่อเอาผิดทั้งทางวินัยและอาญา สำหรับล่ามแปลภาษา อาจมีความผิดฐานแจ้งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยจะพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความอีกครั้ง