บุรีรัมย์ - ตำรวจภาค 3 พร้อมผู้การฯ ตำรวจบุรีรัมย์รุดติดตามคืบหน้าคดีฆ่าเผาอำพรางหนุ่มวัย 23 ใน ร.ร.หลังกลับจากต่างประเทศได้วันเดียว เร่งสอบญาติและพยานที่เห็นผู้ตายในวันเกิดเหตุเพื่อหาเบาะแสคลี่ปม ขณะลุงตั้งข้อสังเกตหากจุดไฟเผาฆ่าตัวตายต้องมีร่องรอยดิ้นทุรนทุราย จึงเชื่อถูกทำให้ตายก่อนแล้วเผาอำพราง
วันนี้ (12 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานคืบหน้าคดีพบศพ นายธนทัต จันทร์แก หรือหนั้ม อายุ 23 ปี ถูกเผาภายในบริเวณโรงเรียนบ้านแสลงโทน ต.แสลงโทน อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ เมื่อคืนวันที่ 10 ต.ค. 65 หลังกลับจากต่างประเทศพร้อมครอบครัวได้เพียงวันเดียว โดยสภาพศพนอนคว่ำหน้า ถูกไฟไหม้ทั้งเสื้อยืดและกางเกงที่สวมใส่เกือบทั้งหมด ลามไปจนถึงผิวหนังบริเวณท้อง แผ่นหลัง และที่บริเวณศีรษะมีรอยเขียวช้ำคล้ายถูกของแข็ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไรนั้น
ล่าสุด พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ พร้อม พล.ต.ต.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผบก.สส.ภ.3, พ.ต.อ.นิรันดร์ แก้วอิน รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์, พ.ต.อ.ฉัฐวัชร วงศ์วาสน์ รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์, พ.ต.อ.สาธิต สถิตถาวร ผกก.สืบสวน ภ.จว.บุรีรัมย์ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ และร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามความคืบหน้าคดี
ขณะที่พนักงานสอบสวน สภ.ประโคนชัยได้เรียกคนในครอบครัว ญาติพี่น้อง และชาวบ้านที่ได้พบเห็นนายธนทัตเดินผ่านหน้าร้านหรือหน้าบ้านในวันเกิดเหตุ ก่อนจะหายไปแล้วพบกลายเป็นศพถูกเผา เพื่อเป็นข้อมูลเบาะแสในการคลี่คลายปมการเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา ขณะนี้สอบไปแล้วเกือบ 10 ปาก ส่วนใหญ่ให้ข้อมูลในทิศทางเดียวกัน คือเห็นแค่ตอนเดินผ่านหน้าบ้านก่อนที่จะพบกลายเป็นศพเท่านั้น ไม่มีใครเห็นตอนที่เข้าไปในโรงเรียน
จากการสอบถามป้าสำเภา เพื่อนบ้าน ให้ข้อมูลว่า ช่วงเวลาประมาณ 19.30 น. เห็นนายธนทัตเดินผ่านหน้าบ้านไปคนเดียวแต่ไม่ได้ถามว่าจะไปไหนและไม่ได้สังเกตสีหน้าท่าทางว่าเป็นอย่างไร เพราะคิดว่าอาจจะไปเดินเล่นตามปกติ กระทั่งมารู้ข่าวตอนเช้าว่านายธนทัตถูกฆ่าเผาอำพรางก็ตกใจ
ขณะที่ นายสุวรรณ ภาศรี ลุงของนายธนทัต บอกว่า หลานไปอยู่กับแม่ที่เยอรมนีตั้งแต่เรียนจบ ม.3 ช่วงแรกก็ไปๆ มาๆ จนถึงอายุเกือบ 20 ล่าสุดก่อนที่จะไปอยู่นานถึง 3 ปี เนื่องจากหลานถูกจับเสพยาเสพติดจึงถูกส่งเข้ารับการบำบัด หลังจากบำบัดแล้วหมอบอกดีขึ้น จึงตัดสินใจให้หลานไปอยู่กับแม่ที่เยอรมนีเพราะอยากให้หลานเลิกยาเด็ดขาด ไม่ต้องกลับมาเจอสภาพแวดล้อมที่สุ่มเสี่ยงจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก แต่ล่าสุดที่ไปอยู่นานถึง 3 ปีเพราะติดสถานการณ์โควิด-19 ระบาด จึงเพิ่งได้กลับมาบ้านพร้อมกับแม่
ส่วนตัวไม่เชื่อว่าหลานจะฆ่าตัวตายเอง เพราะหลานเป็นคนรักตัวเอง ประกอบกับร่องรอยที่พบไม่ว่าจะเป็นที่หลานถูกไฟไหม้ซึ่งไม่น่าจะทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้ อีกทั้งยังมีร่องรอยเขียวช้ำที่หน้าผากคล้ายถูกของแข็งด้วย แล้วจุดที่หลานเดินไปก็ค่อนข้างมืดเชื่อว่าน่าจะมีคนเรียกให้ออกไปหามากกว่า ที่สำคัญไม่มีมูลเหตุจูงใจอะไรที่หลานจะต้องฆ่าตัวตาย
ทั้งตั้งข้อสังเกตหากเป็นการจุดไฟเผาตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย ทำไมไม่มีร่องรอยการดิ้นทุรนทุรายบ้าง แต่จากร่องรอยเหมือนถูกทำให้ตายก่อนแล้วจุดไฟเผาอำพรางทีหลัง อยากให้ตำรวจเร่งคลี่คลายปมว่าเกิดจากสาเหตุอะไร และอยากให้จับคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วไม่อยากให้หลานต้องตายฟรี
ทั้งนี้ จากข้อมูลไทม์ไลน์ในวันเกิดเหตุพบว่า เวลา 15.00 น. นายธนทัตได้ไปซื้อบุหรี่ 2 ซองที่ร้านค้าข้างบ้าน, 15.10 น. นักการภารโรงศูนย์เด็กเล็กฯ เห็นนั่งอยู่ริมสระน้ำฝั่งตรงข้ามกับบ้าน, 17.00 น. ช่วงที่มีการกินเลี้ยงสังสรรค์วันเกิดภรรยา นายธนทัตก็นั่งอยู่ในบ้าน, 18.55 น. กล้องวงจรปิดบันทึกภาพได้ขณะเดินผ่านหน้าร้านของชำ จากนั้นเวลาประมาณ 19.30 น. มีชาวบ้านเห็นเดินผ่านหน้าบ้านก่อนมุ่งหน้าไปทางโรงเรียน กระทั่ง 20.30 น. นักการภารโรงเรียนบ้านแสลงโทนไปพบศพถูกเผาตรงป่าหญ้าหลังโรงเรียน