นครสวรรค์ – หนุ่มทนายความนครสวรรค์ยันถูกแอบอ้างชื่อ..แต่ยอมรับรู้จักตั้งแต่ปี 53 สมัยพ่อค้าไก่หมุนไปฝึกภาคปฏิบัติงานตั๋วทนาย สนง.อาจารย์ ปี 64 ติดต่อกลับมาให้ว่าความ 3 คดี จบแล้ว 1 อยู่ชั้นอุทธรณ์ 2 เผย “ทนายไก่หมุน” คล่องจนโดนแหกไปด้วย
ความคืบหน้ากรณี “พ่อค้าไก่หมุนชาวกำแพงเพชร” ปลอมตัวเป็นทนายความ รวมถึงยังปลอมตั๋วทนาย และปลอมคำพิพากษาหลอกลูกความ จนทำให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง และมีผู้เสียหายหลายรายแจ้งความเอาเรื่อง จนนำไปสู่การจับกุม
และเมื่อมีการสอบสวนขยายผล พบมีการไปพาดพิงถึงทนายความคนหนึ่งในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ว่ามีความสนิทสนมกับทนายไก่หมุน และเคยร่วมงานในการช่วยว่าความด้วยหลายคดี อีกทั้งยังมีหลักฐานปรากฏบนโลกโซเชียลฯ เป็นรูปถ่ายคู่กัน ขณะกำลังขับรถเดินทางไปที่ไหนสักแห่ง จนต่างมีการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ถึงขั้นกล่าวหาว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดของพ่อค้าไก่หมุนคือทนายความชาว จ.นครสวรรค์รายนี้นั้น
วันนี้ (5 ต.ค. 65) ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบทนายความผู้ที่ถูกพาดพิงถึง จนทราบว่าคือ นายวัชรพล ยานะเครือ มีอาชีพเป็นทนายความ เปิดสำนักงานอยู่ในพื้นที่ ต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ซึ่งได้มีการโพสต์ภาพ และข้อความชี้แจงข้อความที่เกิดขึ้น
ระบุว่า “#จากกรณีที่มีข่าวรวบพ่อค้าไก่หมุนปลอมเป็นทนายขึ้นศาล แล้วปรากฏภาพถ่ายและชื่อของผมในข่าวนั้นด้วย ผมขอชี้แจงว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่มีส่วนรู้เห็น ไม่มีส่วนได้เสีย กับการกระทำของทนายปลอมคนดังกล่าว ซึ่งผมได้พูดคุยกับแอดมินเพจ และผู้เสียหายในเรื่องดังกล่าวแล้ว ปรากฏว่าเป็นการนำชื่อ นามสกุล และภาพถ่ายของผมไปใช้อ้างอิงเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผม
ดังนั้น ผมจึงขอชี้แจงว่าผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยประการใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งผมเองก็ตกอยู่ในฐานะผู้เสียหายคนหนึ่งเช่นกัน #ผมทนายวัชรพล ยานะเครือ ผู้ที่ได้สอบผ่านหลักสูตรวิชาว่าความของสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ”
นายวัชรพลเปิดเผยด้วยว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อตนเองมาก และทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่ขอยอมรับว่าตนกับพ่อค้าไก่หมุนรู้จักกันจริง แต่ไม่สนิทสนม โดยรู้จักกันตั้งแต่ปี 53 ซึ่งตอนนั้นพ่อค้าไก่หมุนได้ไปฝึกงานในภาคปฏิบัติงานตั๋วทนายอยู่ที่สำนักทนายความของอาจารย์ตน และพอเขาฝึกจบก็แยกย้ายกันไป
กระทั่งเมื่อกลางปี 64 พ่อค้าไก่หมุนก็มีการติดต่อตนกลับมา และขอให้ตนช่วยทำคดีว่าความให้ในเรื่องของอาญา หมิ่นประมาท ของศาล จ.นครสวรรค์ หลังจากนั้นจึงรู้จักกันเรื่อยมา แต่ในส่วนของตนที่รับงานทำคดีให้เขาแค่ 3 คดี คือ 1. คดีที่นครสวรรค์ ได้ทำจบไปแล้ว เหลืออีก 2 คดีที่ จ.พิษณุโลก และที่ จ.กำแพงเพชร กำลังอยู่ในชั้นอุทธรณ์
“เท่าที่ทราบตอนที่มาฝึกงานที่สำนักงานทนายความของอาจารย์ เขาเพิ่งสอบทนายในภาคทฤษฎีผ่าน จากนั้นก็มาฝึกงานอยู่ในภาคปฏิบัติประมาณ 6 เดือน แล้วก็แยกย้ายกันไปนานหลายปีไม่เคยติดต่อกัน แต่จู่ๆ เขาก็ติดต่อกลับมาขอให้ช่วยว่าความให้ ซึ่งก่อนจะรับงานผมก็เคยขอดูใบอนุญาตทนายความของเขาด้วย เขาก็เอามาโชว์ให้ดู ผมก็เลยให้เกียรติเขา จึงไม่ขอตรวจสอบต่อ ประกอบกับที่ผ่านมาเท่าที่รู้จักกันเขาก็ดูคล่องแคล่วเหมือนกับทนายความทุกอย่าง จึงทำให้ไม่สงสัยในตัวเขาต่อ”
เมื่อถามถึงรูปถ่ายคู่กัน นายวัชรพลกล่าวว่า รูปนั้นจำไม่ได้ว่าเกิดช่วงปีไหน แต่วันนั้นเป็นวันที่จะเดินทางไปว่าความที่พิษณุโลกพอดี พ่อค้าไก่หมุนก็โทรศัพท์ติดต่อมา บอกว่าจะเดินทางไปพิษณุโลกเช่นกัน และด้วยความหวังดี นึกสงสารเขาที่มีแต่รถจักรยานยนต์ขี่ ตนจึงอาสาขับรถไปรับที่ จ.กำแพงเพชร โดยให้เขาขี่รถจักรยานยนต์ไปจอดที่ปั๊มน้ำมัน ก่อนจะเดินทางไปพิษณุโลกด้วยกัน
“ระหว่างทางเขาได้ขอถ่ายรูปคู่ด้วย ผมก็ไม่ได้คิดอะไร แล้วสักพักเขาก็เอาไปโพสต์เฟซบุ๊ก และก็แท็กมาที่เฟซบุ๊กของผม ซึ่งก็ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะเอาไปแอบอ้าง ใช้รูปภาพนั้น รวมถึงชื่อ และนามสกุลของผมไปหลอกรับงานว่าความ จนทำให้เกิดความเสียหาย
ส่วนกรณีที่มีผู้เสียหายในพื้นที่ จ.ชลบุรี 1 รายถูกพ่อค้าไก่หมุนหลอกลวง และมีการพาดพิงมาถึงตน ว่ารับงานแล้วก็ทิ้งงานไปเลยนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเรื่องนี้ตนได้มีการไปพูดคุยชี้แจงกับกลุ่มทนายความ และผู้เสียหายรายนี้แล้วว่าโดนแอบเอาชื่อสกุล และรูปภาพไปแอบอ้าง โดยที่ตนไม่เคยรู้เรื่องใดๆ เลย
“เรื่องนี้ผมมีหลักฐานคลิปที่บันทึกไว้ระหว่างโทรศัพท์ไปพูดคุยกับพ่อค้าไก่หมุน และเจ้าตัวก็ยอมรับสารภาพว่าเอาผมไปแอบอ้างจริงๆ จนทางผู้เสียหายเข้าใจแล้ว และผมก็ได้มีการไปลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานไว้แล้วด้วยเช่นกัน”