กำแพงเพชร - บุกบ้านพ่อค้าไก่หมุนหนุ่มกำแพงเพชรปลอมตัวเป็นทนายว่าความทำวงการยุติธรรมปั่นป่วน จนโลกโซเชียลฯ ตั้งฉายา “แฟรงค์ อบาเนล เมืองไทย” แม่หลั่งน้ำตาเผยไม่รู้เรื่อง เห็นลูกกลับมาอยู่บ้านเปิด สนง.ได้ 2 ปี เป็นเสาหลักหาเงินเลี้ยงแม่-ลูก 2 คน
กรณีมีกระแสข่าวการจับกุม นายพรเทพ คะเชนทร์ภักดิ์ พ่อค้าไก่หมุน ปลอมตัวเป็นทนาย สวมรอยตั๋วทนายคนอื่นรับว่าความหลายคดี โดยมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดกำแพงเพชร จนผู้คนในโซเชียลฯ ต่างวิจารณ์ว่าเขาเป็น แฟรงค์ อบาเนล เมืองไทย ซึ่งเป็นนักต้มตุ๋นชื่อดังที่เคยผ่านทั้งโกงอายุใบขับขี่ ปลอมวุฒิการศึกษา ปลอมเป็นนักบิน แพทย์ ทนายความ และอาจารย์มหาวิทยาลัย ก่อนถูกจับกุม และเรื่องราวของเขาถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ Catch Me If You Can มาแล้ว
ล่าสุดวันนี้ (5 ต.ค. 65) พ.ต.ท.สุวิศ พิชอ่อน พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร เจ้าของคดี ให้ข้อมูลว่า เรื่องราวดังกล่าวเกิดจากผู้ต้องหาได้รับว่าความคดีแพ่งให้ผู้เสียหายในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ จากนั้นได้แจ้งผู้เสียหายว่าชนะคดีได้ให้ผู้เสียหายดูคำพิพากษาของศาล พร้อมเรียกรับเงินจากผู้เสียหายเป็นค่าดำเนินการ
ต่อมาผู้เสียหายได้ตรวจสอบปรากฏว่า ไม่มีคำพิพากษาในคดีตามที่กล่าวอ้าง รวมทั้งไม่มีคดีดังกล่าวในสารบบของศาลจังหวัดกำแพงเพชร จึงเข้าพบพนักงานสอบสวนที่จังหวัดนครสวรรค์เพื่อแจ้งความดำเนินคดี จากนั้นพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ ก็ประสานมายัง สภ.เมืองกำแพงเพชร
เมื่อทราบเรื่องดังกล่าวศาลจังหวัดกำแพงเพชรจึงได้ทำการตรวจสอบเลขที่คดี ซึ่งพบว่าไม่มีคดีที่กล่าวอ้างอยู่ในสารบบของศาล และได้ทำการตรวจสอบรายชื่อทนายก็ไม่ปรากฏชื่อผู้ต้องหาอยู่ในรายชื่อของสภาทนายความ โดยทราบว่าผู้ต้องหาได้ปลอมแปลงตั๋วทนายเพื่อใช้ในการว่าความ
ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่ศาลเป็นอย่างยิ่ง จึงได้แจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร และถูกจับกุมตัวได้ ขณะนี้ผู้ต้องหาถูกฝากขังอยู่ที่เรือนจำกลางจังหวัดกำแพงเพชรเรียบร้อยแล้ว
ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านของผู้ต้องหา ซึ่งอยู่ในพื้นที่หมู่ 6 ต.คณฑี อ.เมืองกำแพงเพชร พบกับแม่ของผู้ต้องหา ซึ่งอยู่อาศัยในบ้านกับหลานสาวอีก 2 คนซึ่งเป็นลูกของผู้ต้องหา
แม่นายพรเทพ ผู้ต้องหา เปิดเผยว่า ไม่รู้ว่าลูกชายทำความผิดอะไร ก่อนหน้านี้ลูกเคยขายไก่หมุนอยู่ในพื้นที่ อ.ไทรงาม และ อ.ทรายทองวัฒนา เห็นว่าเขาไปเรียนที่นครสวรรค์ หลังจากนั้นก็กลับมาอยู่ที่บ้านแล้วใช้บ้านเปิดเป็นสำนักงานรับว่าความได้ประมาณ 2 ปี แต่ในรายละเอียดตนไม่รู้เรื่อง รู้แต่เพียงว่าลูกชายที่เลิกกับภรรยาไปนานแล้วและเป็นคนหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ตั้งแต่ถูกจับกุมตัวไปตนก็ยังไม่ทราบข่าวคราวลูกชายอีกเลย
“ตอนนี้เป็นห่วงลูกมาก อยากจะไปประกันตัวออกมา ไม่อยากให้ลูกติดคุก เนื่องจากมีลูกคนเดียว เขาเป็นเสาหลักของครอบครัว หาเงินส่งเสียเลี้ยงดูทั้งตัวเองและลูกสาวเขาอีกสองคน หากขาดลูกชายไป ฉันก็ยังไม่รู้ว่าจะอยู่กันยังไงเหมือนกัน”