นครพนม - คดีเด็ก ม.6 ทำร้ายร่างกายรุ่นน้อง ม.1 จนบาดเจ็บที่มุมปาก แม่เด็กเรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท ฝ่ายยายรุ่นพี่ขอลดเงินเยียวยาลงเหลือ 25,000 บาท แต่ตกลงกันไม่ได้ สุดท้ายให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย
จากกรณี นางลัดดา ขันธเจริญศักดิ์ อายุ 38 ปี ชาวบ้านปากอูน หมู่ 8 ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม มารดา ด.ช.ต๋อง (นามสมมติ) อายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในอำเภอศรีสงคราม เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีสงคราม เพื่อดำเนินคดีต่อนายเก่ง อายุ 19 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนเดียวกัน ทำร้ายร่างกายลูกชายตนจนมีบาดแผลที่มุมปากด้านซ้ายเย็บ 5 เข็ม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 16 กันยายน 65 เวลา 11.30 น. ที่บริเวณสนามกีฬาของโรงเรียนดังกล่าว
ภายหลังทางโรงเรียนได้เรียกให้ไปไกล่เกลี่ยขอให้เรื่องจบ แต่ตกลงค่าเสียหายกันไม่ได้ โดยฝ่ายแม่เด็ก ม.3 เรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท ส่วนคดีก็ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไป แต่ฝ่ายยายเด็ก ม.6 ขอต่อรองเหลือ 25,000 บาท จึงตกลงกันไม่ได้ และจะนัดคุยกันอีกทีที่ สภ.ศรีสงครามวันนี้ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุดวันนี้ (20 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. คู่กรณีทั้งสองครอบครัวได้เดินทางมาที่ สภ.ศรีสงครามตามนัดหมาย โดยร้อยเวรพนักงานสอบสวนได้เป็นตัวกลางช่วยเจรจาเรื่องค่าทำขวัญ แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังยืนยันข้อเสนอเดิม จึงตกลงกันไม่ได้ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน
ด้านนางหอมหวล สมรฤทธิ์ อายุ 63 ปี ยายของนายเก่ง ผู้ก่อเหตุเปิดเผยว่า ตนและสามีคือนายแสงทอง สมรฤทธิ์ หลังจากเกิดเหตุก็ไม่สบายใจเป็นอย่างมากยอมรับผิดชอบทุกอย่าง แต่อยากขอความเห็นใจทางผู้เสียหายบ้าง เนื่องจากตนเองฐานะครอบครัวก็ไม่ดี ยังต้องหาเช้ากินค่ำ สามีก็พิการ จะพยามยามหาเงินมาเยียวยาที่ร้องขอจำนวน 50,000 บาท ต้องไปหาหยิบยืมญาติพี่น้องลูกหลาน ถ้าให้มันจบไม่ดำเนินคดีก็อยากให้จบไป แต่อยากให้ลดลงบ้าง พอได้รับคำยืนยันจะมีการดำเนินคดีตนและครอบครัวก็ต้องยอมรับขั้นตอนเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมายให้ศาลตัดสินต่อไป
ด้านนางลัดดา ขันธเจริญศักดิ์ มารดาน้องต๋องผู้ได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่า หลังจากตนเองเรียกไป 50,000 บาท ยอมลดให้เหลือ 40,000 บาท แต่ทางด้านครอบครัวนายเก่งไม่ยอมจ่าย ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป
ส่วน ร.ต.ท.วายุพงษ์ ปาประโม รองสารวัตรสอบสวน สภ.ศรีสงคราม กล่าวว่า วันนี้จะได้เรียกนางลัดดา ขันธเจริญทรัพย์ มารดา ด.ช.ต๋อง เข้าไปสอบสวนร่วมกับสหวิชาชีพในช่วงบ่าย ก่อนจะเรียกผู้กระทำผิดมาสอบสวนอีกทีในช่วงเย็น เพื่อจะได้ดำเนินการส่งฟ้องศาลเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ ก่อนจะนำตัวส่งฟ้องศาลในวันพรุ่งนี้ต่อไป