อุดรธานี - ครูชายฝ่ายปกครองที่ อ.บ้านดุง ง้างมือตบเด็ก นร.หญิง ป.6 จนหัวคะมำ ยอมจ่ายค่าทำขวัญ 8,000 บาทหลังหลายฝ่ายเปิดวงไกล่เกลี่ยเพื่อไม่ให้เรื่องบานปลาย ครูขอโทษผู้ปกครอง แต่ยันไม่ได้ตบนักเรียน แค่เอามือผลักศีรษะเด็กและใช้คำด่าแรงเท่านั้น ด้านผู้ปกครองถอนแจ้งความแล้วในวันนี้
จากกรณีผู้ปกครองของ ด.ญ.เนย (นามสมมติ) อายุ 11 ขวบ นักเรียนที่โรงเรียนบ้านห้วยปลาโดศรีสามารถ ต.บ้านจันทน์ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี อ้างว่าหลานสาวถูกครูผู้ชายฝ่ายปกครองทำเกินกว่าเหตุใช้ฝ่ามือตบบริเวณบ้องหู ต่อมานักเรียนหญิงคนดังกล่าวเกิดช็อกหมดสติ เพื่อนๆ นักเรียนขอให้ครูพาส่งโรงพยาบาลแต่ครูคนดังกล่าวขู่ห้ามไม่ให้พาไปหาหมอ บอกว่าเด็กสำออย ก่อนเพื่อนๆ จะนำเด็กหญิงคนดังกล่าวกลับมาส่งให้ผู้ปกครองที่บ้าน เหตุเกิดเวลาบ่าย 2 ของวันศุกร์ที่ 17 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ (20 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางผู้อำนวยการโรงเรียนฯ ได้เรียกทั้งสองฝ่าย คือ ครูและผู้ปกครองมาพูดคุยกัน โดยมีผู้ใหญ่บ้านเข้าร่วมพูดคุยไกล่เกลี่ย เบื้องต้นครูชายคนดังกล่าวยอมยกมือไหว้ขอโทษผู้ปกครองของ ด.ญ.เนย พร้อมจ่ายเงินค่าผูกแขนเด็กนักเรียนเป็นเงินจำนวน 8,000 บาทและให้ผู้ปกครองไปถอนแจ้งความ
นางพิกุล ยายของน้องเนย เปิดเผยว่า ครูยอมมาพูดคุยแล้ว แต่ยังยืนยันว่าไม่ได้ตบและทำร้ายหลานสาว แค่ยกมือจะตบแล้วขู่ แต่ยอมรับใช้มือผลักศีรษะเด็กเบาๆ และไล่เด็กเข้าไปในโรงเรียน ครูบอกว่าเป็นคนพูดเสียงดัง อาจจะทำให้เด็กกลัว ตอนแรกเขาไม่ยอมมาคุยและไม่ยอมขอโทษบอกแค่ว่าไม่ได้ทำร้ายเด็ก
แต่สุดท้ายก็ยอมผูกแขนเด็ก 8,000 บาทเพื่อให้เรื่องมันจบ ตนเองก็จะไปถอนแจ้งความที่ สภ.บ้านดุงให้ตามที่ตกลงกันไว้
ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ในโรงเรียนอีก เด็กก็คือเด็ก ได้ยินว่าครูคนนี้ขู่และด่าเด็กมาหลายครั้งแล้ว แต่เด็กนักเรียนไม่กล้า หลานตนเองพ่อแม่เขาหย่าร้างกัน แม่เขาเพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน ตนเลี้ยงหลานมาแต่เล็กๆ ก็รักเหมือนลูก เจ็บใจตรงที่ด่านักเรียนให้ไปตาย ไม่ต้องเอาไปส่งโรงพยาบาล บอกว่าน้ำมันมันแพง และให้เอาไปตายอยู่บ้านอย่ามาตายที่โรงเรียน พูดแบบนี้ทำร้ายจิตใจผู้ปกครองมาก
“คนเป็นครูไม่น่าพูดด่าแบบนี้ จะโกรธแค่ไหนไม่ควรด่านักเรียน เพราะนักเรียนไม่ใช่ลูกครู มันผิดจรรยาบรรณครู ตอนที่พูดคุยกันยอมรับโกรธมาก โกรธที่เขาไล่หลานให้ไปตายที่บ้าน แต่เมื่อพูดคุยกันได้ฉันก็ยอม แต่ขอฝากถึงผู้บริหารอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก” ยายน้องเนยกล่าว
ด้านนายประสิทธิ์ ไชยวงษ์ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุดรธานี เขต 3 เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน วันนั้นอากาศร้อนแดดร้อนมากเด็กนักเรียนหิวน้ำเด็กจึงจะปีนรั้วออกไปข้างนอกเพื่อที่จะไปซื้อน้ำอัดลมดื่ม ครูที่รักษาการ ผอ.โรงเรียนอยู่มาพบเห็น จึงได้เดินออกไปหาเด็กกลุ่มนี้ที่กำลังข้ามรั้วออกไป จากนั้นก็พูดสั่งสอนว่าออกไปทำไม เดี๋ยวเกิดอุบัติเหตุรถชนเพราะจุดนั้นเป็นถนนใหญ่ ซึ่งปกติแล้วโรงเรียนจะไม่ให้เด็กออกนอกโรงเรียนในเวลาราชการเวลาเรียน
เมื่อครูดุด้วยถ้อยเสียงดังเด็กก็ตกใจ จากนั้นเด็กก็คล้ายกับจะเป็นลมเพื่อนก็ประคองมาที่ห้องพักพยาบาล ครูก็ปฐมพยาบาล ประกอบกับเด็กมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อผู้ปกครองมาถึงโรงเรียนจึงพาไปโรงพยาบาล แล้วพามาแจ้งความที่ สภ.บ้านดุงไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นกลับมาบ้านก็จะมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนและเป็นข่าวตามที่นำเสนอไป ซึ่งญาติและครูยังไม่ได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิด
โดยผู้ปกครองเข้าใจว่าครูตบศีรษะครูตี ผลตรวจสอบของหมอระบุว่าไม่มีร่องรอยบาดแผลถูกตี และการทำร้ายร่างกาย มีเพียงเด็กมีอาการตกใจ ทำให้กล้ามเนื้อกระตุก แพทย์ก็ได้ให้แค่ยามากิน
ทั้งนี้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้โทรศัพท์สอบถามผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่ง ผอ.ก็จะรายงานข้อมูลและจากการตรวจสอบภาพวงจรปิดพบว่าไม่มีตอนไหนเลยที่เป็นภาพที่ถูกครูตี แต่ยอมรับครูด่าเด็กเสียงดัง สำหรับครูคนนี้มีบุคลิกที่เสียงดัง กรณีดังกล่าวจึงแนะนำให้ทางครูช่วยค่าใช้จ่ายในการพาเด็กไปพบแพทย์ เพื่อเป็นการดูแล แต่คุณครูก็ยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไร ซึ่งผู้ปกครองก็พอใจเมื่อเห็นหลักฐานจากกล้องวงจรปิดว่าครูไม่ได้ตีเด็ก