xs
xsm
sm
md
lg

ผัวร่ำไห้! ห่วงเมีย “ครูอ้อย” หายตัวไป 20 วัน หวั่นอันตราย น้องสาวคาดถูกผู้ชายหลอก พ่อวอนกลับมาหาลูกผัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศรีสะเกษ -ผัวร่ำไห้! ห่วงเมีย “ครูอ้อย” ครูพี่เลี้ยงหายตัวไปนานร่วม 20 วันแล้ว หวั่นได้รับอันตราย และไปแจ้งความต่อตำรวจที่ สภ.น้ำเกลี้ยง ขณะที่น้องสาวเผยคาดถูกผู้ชายหลอก ส่วนพ่อเป็นห่วงวอนลูกสาวให้กลับมาหาลูกผัว อย่าไปหลงเชื่อผู้ชายอื่น

วันนี้ (19 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเลขที่ 127 หมู่ 3 บ้านโนนหนองสิม ต.เขิน อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ นายสุเพียบ นาคคำ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนบ้านสามเส้า อ.กันทรลักษ์ ได้นำนายรินทร์ณรงค์ คำศรีเมือง อายุ 48 ปี ซึ่งเป็นญาติทางฝ่ายภรรยา พร้อมด้วย น.ส.สุธิดา ภาระ อายุ 38 ปี นายสมัย ภาระ อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 หมู่ 3 บ้านโนนหนองสิม เข้าร้องทุกข์ต่อผู้สื่อข่าวว่า นางวิไลลักษณ์ คำศรีเมือง หรือครูอ้อย อายุ 45 ปี ซึ่งทำงานเป็นครูพี่เลี้ยงอยู่ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กโรงเรียนบ้านโนนหนองสิม ได้หายตัวไปตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมา นานร่วม 20 วันแล้ว

นายรินทร์ณรงค์  คำศรีเมือง  อายุ 48 ปี สามีของครูอ้อย
โดยไม่ทราบว่าหายไปที่ไหน ในวันแรกที่หายตัวไป น.ส.สุธิดา หรือหมวย น้องสาวของครูอ้อย สามารถโทรศัพท์ติดต่อครูอ้อยได้ จากนั้นได้เงียบหายไปไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย นายรินทร์ณรงค์จึงได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.ดลวัตร ยืนยง ตำแหน่ง สว.(สอบสวน) สภ.น้ำเกลี้ยง ภ.จว.ศรีสะเกษ พนักงานสอบสวน สภ.น้ำเกลี้ยง ไว้เป็นหลักฐาน เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมา โดยได้นำเอารูปภาพของครูอ้อยภรรยาสุดที่รักมากอดไว้แนบอกด้วยอาการเศร้าสร้อย เพราะห่วงใยครูอ้อยเกรงว่าอาจจะได้รับอันตราย

นายรินทร์ณรงค์ คำศรีเมือง สามีของครูอ้อย กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 65 เวลาประมาณ 10.30 น. ตนได้บอกกับ นางวิไลลักษณ์ คำศรีเมือง หรือครูอ้อย ซึ่งเป็นภรรยาของตนทำงานที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนบ้านโนนหนองสิม ต.เขิน อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ ว่าจะเดินทางไปทำงานอยู่ที่บ้านหนองก่อไร่ ต.โพธิ์ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ แต่เมื่อไปถึงบ้านหนองก่อไร่ปรากฏว่ากระแสไฟฟ้าตก จึงไม่สามารถทำงานได้ ตนจึงเดินทางกลับมาที่บ้านพักเพื่อจะขี่รถ จยย.พ่วงข้างนำเครื่องมือกลับไปทำงานที่บ้านหนองก่อไร่


โดยก่อนจะเดินทางกลับไปทำงานที่บ้านหนองก่อไร่ ตนได้ขับขี่รถ จยย.ไปหานางวิไลลักษณ์ที่ศูนย์เด็กเล็ก และได้รับทราบจากเพื่อนร่วมงานว่านางวิไลลักษณ์ได้เดินทางไปหาหมอ ตนจึงได้โทรศัพท์ไปยังโทรศัพท์มือถือของนางวิไลลักษณ์ แต่นางวิไลลักษณ์ไม่ยอมรับสาย แต่ตนได้รับทราบจากเพื่อนร่วมงานของนางวิไลลักษณ์ว่าสามารถโทร.ติดต่อกับนางวิไลลักษณ์ได้ และทราบว่านางวิไลลักษณ์เดินทางไปที่ตัวเมืองศรีสะเกษ ตนเข้าใจว่านางวิไลลักษณ์เดินทางไปหาหมอ

ต่อมาตนได้ทราบจากชาวบ้านว่าได้มีรถยนต์แท็กซี่ไม่ทราบหมายเลขทะเบียนแล่นเข้าไปรับนางวิไลลักษณ์ที่ศูนย์เด็กเล็ก ตนจึงได้ออกติดตามสอบถามญาติและเพื่อนของนางวิไลลักษณ์แต่ก็ไม่มีผู้ใดพบเห็น ต่อมาตนได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อกับนางวิไลลักษณ์ และต่อมาเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 65 จึงได้ทราบจาก น.ส.สุทธิดา ภาระ หรือหมวย น้องสาวของภรรยาตนว่าสามารถโทรศัพท์ติดต่อกับครูอ้อย ภรรยาของตนได้แล้ว โดยแจ้งว่าครูอ้อยอยู่ที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี และ น.ส.สุทธิดาได้โอนเงินให้แก่ครูอ้อย จำนวน 700 บาท

ครูอ้อย ที่หายตัวไปนานร่วม 20 วันแล้ว
และตนได้รับทราบจากนางจินตนา ภาระ น้องสาวของครูอ้อยอีกคนว่าครูอ้อยได้ขอเงินซื้อโทรศัพท์มือถือและได้โอนเงิน จำนวน 4,700 บาท ให้แก่ครูอ้อยด้วย จนกระทั่งถึงวันนี้ตนและลูกทั้ง 3 คนยังไม่สามารถติดต่อกับครูอ้อยได้ และไม่ทราบว่าครูอ้อยอยู่ที่ใด เป็นหรือตายอย่างไรก็ยังไม่ทราบ

นายรินทร์ณรงค์ สามีของครูอ้อย กล่าวทั้งน้ำตานองหน้าต่อว่า ตนไม่เคยห่วงใยผู้หญิงคนไหนเท่ากับครูอ้อยภรรยาของตน อยู่กินกันมานานกว่า 28 ปีแล้ว จนมีลูกด้วยกัน 3 คนไม่เคยทะเลาะเบาะแว้งตบตีกัน เวลาโมโหกันก็จะร้อง เฮ้ย คำเดียวแล้วเดินไปอยู่ในบ้านคนละแห่ง ก่อนหน้านี้ตนทราบจากครูอ้อยว่าจะทำอาชีพเสริมขายของออนไลน์ โดยจะซื้อเครื่องสูบน้ำและเครื่องตัดหญ้ามาขาย โดยอ้างว่าจะมีคนมาออกทุนให้ค้าขายด้วย และการที่ครูอ้อยหายไปในครั้งนี้คาดว่าจะโดนหลอก

“ขอฝากไปถึงครูอ้อยว่า หากไปดีมีความสุขก็ไม่เป็นไร แต่หากว่าไปไม่ไหวก็ให้รีบกลับมาลูกผัว ญาติพี่น้องทุกคนยังรออยู่ด้วยความห่วงใย” นายรินทร์ณรงค์ ผู้เป็นสามีกล่าว


น.ส.สุธิดา ภาระ อายุ 38 ปี น้องสาวของครูอ้อย กล่าวว่า หลังจากครูอ้อยไปแล้วได้เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ใหม่แล้วได้โทร.กลับมาหาตน โดยก่อนที่เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ตนได้คุยกับครูอ้อยว่า จะไปทำไมไปยังไงเชื่อเขาเหรอที่เขาอ้างว่าจะทำให้ร่ำรวยมีเงินทองใช้หนี้สินต่างๆ ให้หมด แต่ส่วนมากพี่สาวของตนจะไม่คุยจะมีแต่ผู้ชายที่พาพี่สาวของตนไปเป็นคนพูดคุยแทน ผู้ชายคนที่พาครูอ้อยพี่สาวของตนไปจะคุยโทรศัพท์กับตนตลอดว่า พี่จะพาอ้อยไปเลี้ยงดูอย่างดีดูแลอย่างดี เมื่อพี่จะให้อ้อยกลับมา จะไม่เป็นอ้อยคนเดิม หนี้สินอะไรจะไม่มี เขาพูดไปทำนองแบบนั้นแล้ว เขาก็พูดว่าจะพาอ้อยไปเที่ยว

ตนคิดว่าจะใช่เหรอ มีผู้ชายที่ไหน ที่มารู้จักกันเพียงอาทิตย์เดียวแล้วจะพาพี่สาวตนไปเที่ยวจะใช้หนี้สินให้หมดมันเป็นไปไม่ได้ ตนจึงขอคุยกับพี่สาว ซึ่งครูอ้อยพี่สาวของตนก็ได้บอกว่าเลือกทางเดินของตนเองแล้ว ตนก็ได้บอกว่าให้คิดดีๆ นะ คำว่าทางเดินของตนเองคือไปไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียวจะไปยังไง ตนได้พูดกับพี่สาวและร้องไห้ไปด้วย พี่สาวบอกว่าไม่ต้องร้องไห้กับเขานะ ตนเชื่อว่าครูอ้อยพี่สาวของตนโดนหลอกลวงไปอย่างแน่นอน


นายสมัย ภาระ อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 หมู่ 3 บ้านโนนหนองสิม พ่อของครูอ้อย กล่าวว่า ตนมีความเป็นห่วงครูอ้อยลูกสาวของตนมาก อยากให้อ้อยลูกสาวของตนรีบกลับมาบ้าน มาหาลูกผัวมาหาครอบครัวของเรา อ้อยจะไปทำไมบ้านช่องก็มีไว้ให้แล้ว ขอให้รีบกลับมาบ้านโดยด่วนด้วย เพราะพ่อและครอบครัวญาติพี่น้องทุกคนเป็นห่วงมาก






กำลังโหลดความคิดเห็น