xs
xsm
sm
md
lg

“เจ๊เกียว” ยันขายจริงไม่หลอก “เชิดชัยทัวร์” ราคาหลายร้อยล้าน ตัดขายเฉพาะรถสายยาว สายสั้นโคราช-กทม.ยังอยู่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “เจ๊เกียว” เคาะราคาขายกิจการเดินรถ “เชิดชัยทัวร์” หลายร้อยบาทล้าน ระบุตัดขายเฉพาะสายยาวภาคอีสาน-เหนือ-ตะวันออก ไม่ขายเดินรถสายสั้นโดยเฉพาะเส้นทางหลักโคราช-กทม.ยังเอาไว้ ด้านพนักงานไม่ทอดทิ้งดูแลทุกคนให้มั่นคง ยันครั้งนี้ขายจริงไม่หลอกปั้นเรื่องและเจ้าของรายใหม่ต้องทำได้ดีกว่าเดิม พร้อมเดินหน้าบุกพบ “อธิบดีกรมขนส่ง” 12 พ.ค.เรียกร้องรัฐช่วยเหลือ

วันนี้ (10 พ.ค.) จากกรณี นางสุจินดา เชิดชัย หรือเจ๊เกียว นายกสมาคมผู้ประกอบการรถร่วมรถโดยสาร บขส. เจ้าของอู่รถเชิดชัย บริษัท เดินรถเชิดชัยทัวร์ จำกัด และกิจการในเครือ ออกมาประกาศจะขายกิจการเดินรถโดยสารของ บริษัทเดินรถเชิดชัยทัวร์ที่ดำเนินกิจการมานานกว่า 65 ปี เนื่องจากประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง จากปัญหาผลกระทบต่างๆ ทั้ง การเกิดขึ้นของสายการบินโลว์คอสต์ รถตู้โดยสาร ราคาน้ำมันแพงขึ้นต่อเนื่อง ประชาชนหันไปใช้รถยนต์ส่วนตัวมากขึ้น และการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้มีผู้โดยสารน้อยลง นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพเพราะเจ้าตัวอายุมากถึง 85 ปีแล้ว และลูกทั้ง 3 คนต่างไปทำธุรกิจอื่น ไม่มีใครต้องการสานต่อธุรกิจเดินรถโดยสาร กิจการเก่าแก่ของครอบครัวนั้น

นางสุจินดา เชิดชัย หรือเจ๊เกียว
ล่าสุด นางสุจินดา เชิดชัย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถร่วมโดยสาร บขส. เจ้าของอู่เชิดชัย และบริษัทเดินรถเชิดชัยทัวร์ จำกัด เปิดเผยความคืบหน้าหลังประกาศขายธุรกิจเดินรถโดยสารของ บริษัทเชิดชัย ทัวร์ ว่าหลังประกาศขายกิจการออกไปจนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครติดต่อเข้ามา อย่างไรก็ตาม กิจการเดินรถโดยสารประจำทางที่จะขายนั้น เราขายเฉพาะกิจการเดินรถสายยาว ในเส้นทางสายภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคอีสานเท่านั้น

ส่วนกิจการการเดินรถโดยสารประจำทางสายสั้น โดยเฉพาะเส้นทางหลัก กรุงเทพฯ-โคราช (สาย 21) นั้นเราไม่ขาย และผู้ที่จะเข้ามาเป็นเจ้าของใหม่นั้นต้องมีศักยภาพในการบริหารจัดการได้ดี เราก็ต้องดูเขาด้วยว่าจะเข้ามาบริหารได้ดีหรือไม่ หากไม่ดีเราก็ไม่ขายให้ เพราะเชิดชัยทัวร์ที่ตนเองดูแลมา โดยตลอด 65 ปีนั้น จะใส่ใจดูแลลูกค้าให้ถึงปลายทางอย่างปลอดภัยไม่มีอุบัติเหตุ เพราะเราไม่ได้ส่งคนไปวัด (เสียชีวิต) ฉะนั้นคนที่เข้ามาบริหารต่อก็จะต้องทำได้ดีขึ้นกว่าเดิมที่บริษัทเชิดชัยทำเอาไว้ และการขายกิจการครั้งนี้ อยากขายทั้งตัวรถบัสและเส้นทางสัมปทานเดินรถ ไม่ต้องการแยกขาย


“ขณะนี้อยู่ระหว่างการเคาะรายการราคารถบัสและเส้นทางเดินทางที่จะขายทั้งหมดให้เจ้าของคนต่อไป คาดว่ารวมแล้วมีมูลค่ารวมหลายร้อยล้านบาท แต่ราคาซื้อขายนั้นสามารถคุยกันได้ หากใครสนใจสามารถติดต่อเข้ามาได้เลย เพราะการประกาศกิจการครั้งเป็นเรื่องจริง ไม่ได้ขายหลอกๆ หรือปั้นเรื่องแน่นอน” นางสุจินดากล่าว

นางสุจินดากล่าวอีกว่า สำหรับพนักงานลูกจ้างของบริษัทเชิดชัยที่จะถูกเลิกจ้างในส่วนของรถโดยสารสายยาวที่เราขายกิจการไปนั้น ไม่ต้องตกใจ เราจะดูแลเป็นอย่างดี โดยคนที่อยู่กับเชิดชัยส่วนใหญ่อยู่กันมานาน และอยู่ในวัยใกล้เกษียณ มีความมั่นคงกันแล้ว แต่เราก็ยังจะดูแลต่อไป ไม่ได้ทอดทิ้งอย่างแน่นอน ทุกคนที่อยู่กับฉันมีความมั่นคงทั้งนั้น 

สำหรับรถโดยสารของบริษัทเชิดชัยทัวร์ เรามีรถ 2 ประเภท คือ รถโดยสารประจำทาง (หมวด 10) วิ่งตามเส้นทางบังคับ และรถโดยสารไม่ประจำทาง (หมวด 30) วิ่งได้ทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้ทำธุรกิจรับจ้างเดินรถรับส่งพนักงานบริษัทเอกชน หน่วยงาน รัฐวิสาหกิจต่างๆ อยู่นั้น เราไม่ได้ขายรถหมวด 30 นี้แต่อย่างใด


จากปัญหาราคาน้ำมันแพงประกอบกับการระบาดของโควิด-19 และปัจจัยอื่นๆ เช่น ประชาชนใช้รถยนต์ส่วนตัว ใช้บริการรถตู้ มากกว่ารถโดยสาร ทำให้บริษัทเชิดชัยทัวร์ประสบปัญหาขาดทุนมาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2562 เฉลี่ยเดือนละประมาณ 4 ล้านบาท เราทนแบกรับภาระเหล่านี้มาโดยตลอด รถทัวร์ที่มีอยู่กว่า 200 คัน วิ่งทั้งสายภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือ ต้องหยุดวิ่งรถและจอดรถไว้ประมาณ 70% รถโดยสารที่วิ่งบริการในปัจจุบันมีแค่ประมาณ 20-30% เท่านั้น

นางสุจินดากล่าวอีกว่า ในวันที่ 12 พ.ค.นี้ เวลา 13.30 น. ตนพร้อมกับคณะกรรมการสมาคมฯ จะเดินทางเข้าพบอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม เพื่อยื่นข้อเสนอให้ช่วยเหลือผู้ประกอบการเดินรถโดยสารที่ประสบปัญหาหลายด้าน และอยากให้ภาครัฐช่วย ทั้ง ขอปรับค่าโดยสารอีก 1 สตางค์ต่อกิโลเมตร หลังราคาน้ำมันดีเซลดีดขึ้น 32 บาทต่อลิตร เกินจากที่คำนวณไว้ 27 บาทต่อลิตร เรื่องค่าปรับต่างๆ การเก็บค่าธรรมเนียม ที่นั่งรถโดยสารแต่ละที่นั่งแต่ละเที่ยว รวมถึงการช่วยเหลือในด้านต่างๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการเดินรถโดยสารอยู่ต่อได้

“วันนี้อยากให้รัฐเห็นใจผู้ประกอบการเดินรถโดยสารที่ได้รับผลกระทบจากทุกด้าน มีหลายรายที่ทนแบกรับภาระไม่ไหวก็ต้องล้มหายตายไป ขณะที่บางรายจำเป็นจะต้องประกาศขายกิจการไปก็มี” นางสุจินดากล่าวในที่สุด




กำลังโหลดความคิดเห็น