นครสวรรค์ - สาวชัยนาทโพสต์แฉ-แจ้งตำรวจล่า..ลูกสาวเต็นท์รถมือสองพื้นที่นครสวรรค์ลวงเอารถเคลมประกันแล้วเชิดไปจำนำเฉย เผยมีคนตกเป็นเหยื่อเหมือนกันเพียบ บางรายโชคดีพ่อผู้ก่อเหตุตามรถคืนให้ได้ แต่พอโดนกันเยอะพ่อก็ช่วยไม่ไหว
หลังจากเพจ “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทิร์น part 3” โพสต์เรื่องราวที่ได้รับการร้องเรียนระบุว่า “หลอกเอารถเข้าอู่เพื่อเคลมประกัน..สุดท้ายรถถูกเอาไปจำนำ..แถมมีผู้เสียหายหลายรายในพื้นที่และใกล้เคียง บุคคลคนนี้อันตรายมากค่ะ เข้าข่ายมิจฉาชีพเลยแบบนี้
..ผู้หญิงคนนี้ชื่อรุ้ง เมื่อ 2 ปีที่แล้วเราไปซื้อรถกับผู้หญิงคนนี้ซึ่งเขาเป็นลูกสาวของเจ้าของเต็นท์รถนี้ชื่อ...ซึ่งพอซื้อขายรถจบไปแล้วก็ปกติค่ะ จู่ๆ เมื่อวันศุกร์ที่ 15 เม.ย. 65 คุณรุ้งก็โทร.มาหาเราค่ะแจ้งว่าทางเต็นท์มีประกันตัวหนึ่งที่เราสามารถเอารถไปทำฟรี ที่ติดต่อมาเพราะตอนนี้ประกันใกล้หมดแล้ว
เราเอะใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วแต่อีกใจคือเขาเป็นลูกเจ้าของเต็นท์และเราก็เคยไปเต็นท์มาเพราะออกรถที่นั่น เลยตัดสินใจกับแฟนให้รถเขาไป พอเขาได้รถไปแล้วเรากับแฟนไม่โอเค..อีกวันเราเลยทักไปบอกว่าไม่ทำแล้วค่ะ ขอรถคืน แต่เขาไม่คืนให้ตอบเรามาว่ารถส่งเข้าอู่ไปแล้วประกันเดินเรื่องแล้ว เราก็รอแล้วรออีกบอกจะเสร็จแล้วเดี๋ยวเอารถไปส่ง ผัดทุกวัน จนวันนี้เข้าวันที่ 4 แล้วที่เอารถไป เราเลยให้คำขาดว่าถ้าเที่ยงนี้รถยังไม่มาส่งไปเจอกันที่เต็นท์ ถึงโทร.มาบอกเราว่ารถไม่อยู่มีคนเอารถไปจำนำ เห...มั้ยล่ะ เห..จริงๆ เลย คนเรามันหากินง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ…ไม่ใช่แค่เราที่โดน เราไปแจ้งความที่โรงพักนครสวรรค์ (กองใต้) เจอคนเดือดร้อนและไปแจ้งความในกรณีแบบเราเลยค่ะ #เตือนภัยไว้นะคะ ขอรถคืนค่ะ ได้รถคืนเมื่อไหร่จะลบโพสต์ให้นะคะคุณรุ้งขา”
โดยข้อมูลดังกล่าว ทางเพจชื่อดังได้มีการนำคลิปภาพมาโพสต์ประกอบข้อความ ซึ่งเป็นคลิปที่เผยให้เห็นลูกสาวเจ้าของเต็นท์รถในวันที่เดินทางมารับรถเก๋งของผู้เสียหาย ก่อนที่จะโดนเชิดรถหายไป
ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามผู้เสียหาย คือ น.ส.รุ่งทิพย์ สำเภาทอง อายุ 28 ปี เป็นพนักงานขายโทรศัพท์มือถืออยู่ในพื้นที่ อ.เมืองชัยนาท เปิดเผยว่า เมื่อประมาณต้นปี 63 ตนและแฟนได้ซื้อรถเก๋งมือสอง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ มาจากเต็นท์ขายรถมือสอง “ชนัตการันตี” ในพื้นที่ อ.เมืองนครสวรรค์ ในราคาเงินผ่อนประมาณ 3 แสนกว่าบาท ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร
กระทั่งต้นเดือนเมษายน 65 ที่ผ่านมา น.ส.ทรรศนันทน์ อายุ 32 ปี ลูกสาวเจ้าของเต็นท์ที่ตนเคยเป็นลูกค้า ได้โทรศัพท์ติดต่อกลับมาบอกกับตนว่า..รถเก๋งของตนกำลังใกล้จะหมดประกัน และมีประกันอยู่ตัวหนึ่งมานำเสนอขาย ซึ่งหากสนใจต่อประกันก็จะสามารถนำรถไปเคลมรอบคันที่อู่ได้เลยทันทีโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
"ดิฉันตั้งใจจะต่อประกันอยู่แล้ว ประกอบกับไว้ใจลูกสาวเจ้าของเต็นท์รถรายนี้ เพราะตอนซื้อรถเก๋งมือสองมาก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร จึงตอบตกลงต่อประกัน จากนั้นเขาก็ติดต่อกลับมาเมื่อวันที่ 15 เมษายน ว่าจะเดินทางมารับรถเพื่อนำไปเคลมที่อู่ให้ โดยนัดรับรถกันที่ลานจอดรถแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมืองชัยนาท"
น.ส.รุ่งทิพย์กล่าวต่อไปว่า วันที่ลูกสาวเจ้าของเต็นท์เดินทางมารับรถ ตนก็เริ่มเห็นผิดสังเกต เพราะดูเขาลุกลี้ลุกลน รีบร้อนจะรีบเอารถไป อีกทั้งไม่มีเอกสารหลักฐานในการรับรถไปเคลมประกันเลย ซึ่งเขาก็อ้างว่าไม่ต้อง เอาไว้มาเซ็นทีเดียวตอนเอารถกลับมาคืน พร้อมกับระบุว่า ไม่น่าจะเกิน 3 วันเสร็จ เพราะรถไม่ได้มีร่องรอยเสียหายอะไรมาก ตนจึงยอมให้เขาเอารถไป
แต่สุดท้าย เมื่อเลิกงานกลับมาที่บ้านแล้วมานั่งคิดดูว่า มันเหมือนมีอะไรแปลกๆ และประกันที่เขาเสนอมาใหม่นั้น ไม่น่าจะแถมอะไรให้เยอะแยะถึงขนาดจะเปลี่ยนล้อแม็กให้ใหม่ทั้งที่ไม่ได้มีร่องรอยขีดข่วนอะไรมาก ประกอบกับตนต้องใช้รถเดินทางไปทำงาน ซึ่งตนมีหน้าที่อยู่ฝ่ายขาย ต้องเดินทางไปทำงานหลายสาขา จึงได้โทร.ติดต่อกลับไปหาลูกสาวเจ้าของเต็นท์รถเพื่อขอรถคืนมาใช้งานก่อน แต่ทางฝ่ายนั้นก็ตอบกลับมาว่า ไม่ทันแล้วเพราะส่งรถเข้าอู่ และประกันเดินเรื่องไปแล้ว
“ตั้งแต่วันที่ 15 เมษายนเป็นต้นมา ดิฉันต้องใช้รถจักรยานยนต์ขี่ไปทำงานแทน จนกระทั่งผ่านไป 3 วัน ซึ่งเป็นวันที่ต้องมาส่งมอบรถคืน ปรากฏว่าเขาก็ยังไม่เอามาให้ เมื่อโทร.กลับไปสอบถามก็อ้างบ่ายเบี่ยงว่ายังไม่เสร็จ จนชักเอะใจ จึงได้โทร.กลับไปยื่นคำขาดว่าจะต้องนำรถกลับมาคืนทันที ไม่เช่นนั้นจะเดินทางไปหาที่เต็นท์ ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า รถไม่อยู่แล้ว เพราะพนักงานอู่นำรถหนูไปจำนำ”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงเต็นท์รถมือสองรายนี้ น.ส.รุ่งทิพย์ ระบุว่า ได้เดินทางไปหาที่เต็นท์รถมือสองเจ้านี้แล้ว แต่พบว่าปิดกิจการไปเป็นเดือนแล้ว โดยมีผู้เช่าใหม่เข้ามาอยู่แทน และเมื่อตนรู้ว่าถูกลูกสาวเจ้าของเต็นท์ต้มตุ๋น จึงได้รีบเดินทางไปแจ้งความที่โรงพัก สภ.เมืองนครสวรรค์ และก็พบว่าไม่ได้มีตนที่ตกเป็นเหยื่อเพียงคนเดียวเท่านั้น
“วันนั้นที่ไปแจ้งความก็ยังมีผู้เสียหายอีก 3 รายเดินทางไปแจ้งความเอาเรื่องลูกเจ้าของเต็นท์รถด้วยเช่นกัน ซึ่งเขาก็ใช้อุบายเดียวกัน คือให้ทำประกันภัยตัวใหม่ และจะรับรถเอาไปเคลมให้ก่อนเชิดรถเขาไป และจากการสอบถามเหยื่อแต่ละรายก็ยิ่งน่าตกใจเข้าไปอีก เมื่อทราบว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อลูกสาวเจ้าของเต็นท์รถรายนี้มากกว่า 10 รายแล้ว”
โดยบางรายก็สามารถนำรถกลับมาคืนได้ เนื่องจากพ่อที่เคยเป็นเจ้าของเต็นท์รถช่วยรับผิดชอบนำรถกลับมาคืนให้ แต่ก็คืนให้ได้เป็นบางรายเท่านั้น เพราะเยอะเกินจนพ่อเขาก็ช่วยไม่ไหว ส่วนการที่ลูกสาวเจ้าของเต็นท์รถระบุว่ารถถูกพนักงานอู่เอาไปจำนำนั้น ตนก็ไม่รู้ว่าจริงไม่จริง เพราะตอนนี้ก็ไม่ทราบว่าเป็นอู่ไหน แต่เท่าที่ตนสืบทราบมาพบว่าลูกสาวเจ้าของเต็นท์รถมีพฤติกรรมชอบเล่นหวยออนไลน์อย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม ตอนที่เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ ทางร้อยเวรรับเรื่องได้ทำแค่ลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น พร้อมกับแนะนำว่าให้ตนเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เมืองชัยนาท ท้องที่ที่ตนอยู่อาศัยแทน และตนก็เดินทางไปแจ้งความตามคำแนะนำ พร้อมกับนำหลักฐานทั้งคลิปบันทึกภาพและเสียง รวมถึงแชตไลน์ที่พูดคุยกันไปมอบแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยนาทไว้แล้ว
ส่วน น.ส.ทรรศนันทน์ ลูกสาวเจ้าของเต็นท์รถตนยังตามหาตัวไม่เจอ จึงอยากวิงวอนขอให้เจ้าหน้าที่รีบติดตามจับกุมตัวสาวแสบคนนี้มาให้ได้โดยเร็วด้วย ส่วนตนก็อยากได้รถคืนมาก เพราะเดือดร้อนไม่มีรถใช้ทำงาน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบเต็นท์รถมือสอง “ชนัตการันตี” ที่ตั้งอยู่ริมถนนสายนครสวรรค์-บรรพตพิสัย ต.วัดไทร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ พบว่าได้ปิดกิจการไปแล้ว แต่ยังมีป้ายร้านติดอยู่ และพบมีผู้อยู่อาศัย จึงได้เข้าไปสอบถามกับผู้ที่พักอาศัย ทราบว่า เพิ่งจะมาเช่าอยู่อาศัยเมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา และกำลังอยู่ในระหว่างการปรับปรุงเพื่อเตรียมเปิดเป็นร้านขายต้นไม้และกระถาง
ผู้เช่ารายใหม่ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ระบุว่า ที่แห่งนี้เป็นที่ให้เช่า และผู้เช่าคนก่อนได้เปิดกิจการขายรถยนต์มือสอง ได้เลิกเช่าและปิดกิจการไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา กระทั่งตนได้มาขอเช่าต่อเพื่อเปิดกิจการขายต้นไม้ และก็เพิ่งจะได้เข้ามาพักอาศัยเพียงไม่กี่วัน ปรากฏว่าก็เริ่มมีผู้คนแวะเวียนเข้ามาถามหาแต่เจ้าของเต็นท์รถ ได้ประมาณ 4-5 รายแล้ว
“ที่จริงเราก็ไม่ได้สงสัยอะไรนะ คิดแต่เพียงว่าเขาคงจะมาติดต่อขอซื้อรถกันเท่านั้น จึงบอกไปแค่ว่าผู้เช่าคนเก่าได้ปิดกิจการและย้ายออกจากที่นี่ไปนานแล้ว โดยไม่ทราบว่าเขาไปเปิดกิจการที่ใหม่หรือไม่ ซึ่งเราก็ไม่เคยทราบเรื่องจริงๆ นะ จนมารู้เรื่องราวผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก จึงถึงบางอ้อว่ามีการก่อวีรกรรมเอาไว้”