กรณีพิพาทในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านถนนปัญญาอินทรา เหตุร้านอาหารในหมู่บ้านขึ้นป้ายโดนรังแก ห้ามไม่ให้ทำมาค้าขาย อ้างถูกนิติฯ สั่ง รปภ. ห้ามไรเดอร์เข้ามา ให้จอดรถหน้าป้อมแล้วเดินไปรับ แต่คนที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันถามกลับ ทำไมไม่คิดบ้างว่ากำลังเอาเปรียบคนอื่น ขณะที่ก่อนหน้านี้สมาคมหมู่บ้านฯ ยื่นโนติสให้เลิกไปครั้งหนึ่งแล้ว
เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ในโลกโซเชียลฯ วิจารณ์กรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "กฤษดา ฮวดบำรุง" ซึ่งเป็นพนักงานไรเดอร์ส่งอาหาร โพสต์ภาพและวิดีโอคลิปร้านอาหารในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง บนถนนปัญญาอินทรา แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ขึ้นป้ายหน้าบ้านว่า "บ้านนี้โดนรังแก ห้ามไม่ให้ทำมาค้าขายค่ะ บ้านตัวเองแท้ๆ โดนกระทำแบบนี้ โดยคณะกรรมการหมู่บ้านค่ะ อยู่ในยุคโควิด ควรทำมาหากินนะคะ"
ผู้โพสต์ระบุว่า "ร้านค้า ... โดนกลั่นแกล้งครับ ปกติจะเข้าไปรับที่ร้านได้ ตอนนี้ รปภ.ไม่ให้เข้า ให้จอดรถหน้าป้อมแล้วเดินไปรับ ร้านขายมาตั้งนานแล้วครับ จังหวะกลับบ้านต่างจังหวัดช่วงสงกรานต์และวันที่ 18-19 เม.ย.กลับมาบ้านที่อยู่คลองสามวา นิติฯ แจ้ง รปภ.ไม่ให้ไรเดอร์เข้า และจะไม่ให้ร้านค้าขาย ขอความเห็นใจทุกๆ ท่านที่อยู่คลองสามวาด้วยครับ ผมเป็นไรเดอร์ ผมต้องจอดรถตากแดดร้อนๆ แถมต้องเดินไปรับที่ร้าน สงสารร้านค้าขายช่วงสถานการณ์โควิดแบบนี้ สงสารพี่ๆ น้องๆ ไรเดอร์ ขอความเป็นธรรม #คลองสามวา"
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ต่างคนต่างมุมมอง เพราะส่วนหนึ่งเห็นใจเจ้าของร้านที่ต้องทำมาหากิน และไรเดอร์ที่ต้องเข้าไปรับอาหาร และมองว่าควรปรับเปลี่ยนกฎให้ทันยุคสมัย แต่อีกมุมหนึ่งมองว่าเป็นกฎระเบียบของหมู่บ้าน เนื่องจากวัตถุประสงค์มีไว้อยู่อาศัย ไม่ได้มีไว้เพื่อการพาณิชย์ เหตุที่ถูกสั่งห้ามอาจมองว่าไรเดอร์เข้ามาเยอะๆ อาจรบกวนเพื่อนบ้านในหมู่บ้าน และเรื่องความปลอดภัยจากการปล่อยให้บุคคลภายนอกเข้ามาในหมู่บ้าน อาจมีมิจฉาชีพแอบแฝง เป็นต้น
ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งคอมเมนต์มาว่า "จากใจคนที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน แต่คนละเฟส ซึ่งใช้ทางเข้าและน่าจะ รปภ.ชุดเดียวกันนะคะ ร้านนี้เพิ่งจะเปิดขายไม่น่าจะเกินปีที่แล้วค่ะ แรกๆ เข้าใจได้ว่าเปิดได้เพราะทุกคนเข้าใจได้ว่าสถานการณ์โควิดจึงเห็นใจ และทางร้านได้ทำชายคาเพิ่มเมื่อไม่น่าจะเกิน 2-3 เดือนมานี้ เข้าใจได้ว่าขายดีจนมีกำลังทรัพย์พอที่จะเช่าที่ภายนอกไหว จริงๆ หมู่บ้านนี้ไม่อนุญาตให้มีร้านค้าหรือร้านอาหารภายในหมู่บ้านค่ะ และทุกคนที่ซื้อบ้านก็ทราบกฎของหมู่บ้านก่อนการซื้อ และคิดว่าข้อนี้ก็เป็นอีกข้อหนึ่งที่ทำให้หลายๆ คนตัดสินใจซื้อบ้านที่นี่
การที่คุณเข้ามาเปิดกิจการเป็นล่ำเป็นสัน ใช้ Facility (สิ่งอำนวยความสะดวก) ส่วนกลางเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว คุณได้จ่ายค่าส่วนกลางหรือเงินเดือน รปภ. เพิ่มในส่วนนี้ไหมคะ แต่แน่ล่ะว่าถึงแม้คุณต้องการจ่ายเพิ่มก็คิดว่าลูกบ้านท่านอื่นๆ ก็ไม่น่าจะยอมเช่นกัน การที่คุณบอกว่านิติฯ กลั่นแกล้งไม่ให้เปิด ทำไมคุณไม่คิดบ้างว่าคุณกำลังเอาเปรียบคนอื่น คุณเคยถามเพื่อนบ้านหลังที่ติดกับคุณไหมว่าเขาพอใจหรือเปล่ากับกลิ่นควันไก่ปิ้ง หรือไรเดอร์ที่จอดกีดขวางทางสัญจร และที่บอกว่าบ้านอื่นก็มีการขายของ จริงค่ะ แต่เขาทำในบ้าน หรือแค่รับมาขายแล้วก็ส่งเอง หรือแม้แต่ถ้าจะมีไรเดอร์ก็แค่มารับแล้วออกไป เหมือนการมาส่งของ ไม่ได้รบกวนบ้านอื่น ไม่ได้มีหน้าร้านแบบคุณ เราเดินมาแล้วทุกซอยค่ะ
ถ้าคุณอยากให้คนอื่นเห็นใจ ทำไมคุณไม่เห็นใจคนอื่นบ้างคะ บางคนอาจจะมีตังค์ซื้อบ้านได้แค่ครั้งเดียว ไม่สามารถย้ายหนีคุณได้ แต่คุณสามารถเปิดร้านข้างนอกได้นะคะ แล้วคุณทราบไหมคะ การเปิดร้านอาหาร หรือขายอาหาร ในทางกฎหมาย ถือเป็นธุรกิจที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพผู้บริโภค หรือก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้อยู่อาศัยละแวกใกล้ๆ ดังนั้น จึงมีการออกกฎหมายมาว่า “ผู้ใดที่จะจัดตั้งสถานที่จำหน่ายอาหาร หรือสถานที่สะสมอาหาร ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อน” โดยต้องทำหนังสือรับรองการแจ้ง หรือขอรับใบอนุญาต…อย่าให้ไปสุดถึงขั้นนั้นเลยเนาะ"
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ทางสมาคมหมู่บ้านดังกล่าว ได้ส่งหนังสือไปยังเจ้าของบ้านที่เปิดเป็นร้านอาหารดังกล่าว ลงวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ขอความร่วมมือยุติการเปิดกิจการร้านขายอาหารภายในหมู่บ้าน ระบุว่า ที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนจากสมาชิกในหมู่บ้าน เรื่องการเปิดกิจการขายอาหารในหมู่บ้าน ได้รับความเดือดร้อนและส่งผลกระทบเรื่องของกลิ่นเหม็น กลิ่นควันจากการเผาไหม้ การสูบบุหรี่จากไรเดอร์ เสียงรถมอเตอร์ไซค์ของไรเดอร์ การจอดรถของไรเดอร์ การเข้ามารับอาหารของไรเดอร์ในยามวิกาล เวลาประมาณ 22.00 น. ส่งผลทำให้เสียทัศนียภาพโดยรวมของหมู่บ้าน
โดยที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2564 มีมติให้บ้านหลังดังกล่าวทำการย้ายไปขายอาหารข้างนอกตามระยะเวลาที่กำหนด ทางนิติฯ ได้ส่งคำร้องเรียนมายังสมาคมฯ ขอให้ยุติการเปิดร้านขายอาหารดังกล่าว โดยระเบียบการอยู่อาศัย ตามสัญญาซื้อขายกับสมาชิกตอนรับกุญแจเข้าอยู่อาศัยในครั้งแรกได้เขียนไว้ว่า "บ้านเพื่อประโยชน์เป็นการอยู่อาศัยเท่านั้น และตกลงจะไม่กระทำการใดๆ หรือยินยอมให้บุคคลใดๆ ใช้ทรัพย์สินส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์ในการพาณิชย์" หวังว่าจะได้รับความร่วมมือ เพื่อคงความน่าอยู่ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของหมู่บ้านฯ โดยรวมและหลีกเลี่ยงกรณีพิพาท