xs
xsm
sm
md
lg

เปิดนโยบาย 4 แคนดิเดตชิงเก้าอี้นายกเมืองพัทยา งานนี้ใครอยู่-ใครไปรอวัดใจคนพื้นที่ 22 พ.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นับถอยหลังเลือกตั้งท้องถิ่นเมืองพัทยา อีกหนึ่งสนามเลือกตั้งใหญ่ที่ว่ากันมีผลต่อการเลือกตั้งระดับประเทศไม่แพ้การเลือกตั้งในหลายจังหวัดใหญ่ของไทย เพราะเมื่อ กกต.ประกาศเปิดรับสมัครนายก และ สม.พัทยา ไปตั้งแต่วันที่ 31 มี.ค.-4 เม.ย.ที่ผ่านมา พอจะบอกอะไรให้คอการเมืองในพื้นที่ได้บ้างว่า ศึกเลือกตั้งครั้งนี้สามารถชี้ชะตาทีมบ้านใหญ่ภายใต้สังกัดตระกูล “คุณปลื้ม” ได้เลยว่ายังมีมนต์ขลังมัดใจชาวบ้านชลบุรีได้เหนียวแน่นเหมือนเมื่อครั้ง “กำนันเป๊าะ” หรือนายสมชาย คุณปลื้ม ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

โดยนายใหญ่อย่าง “สนธยา คุณปลื้ม” เลือกที่จะส่ง “ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์” ที่ปรึกษา รมว.วัฒนธรรม และ อดีต ส.ส.ชลบุรี ลงสมัครชิงเก้าอี้นายกเมืองพัทยา แทนตนเองที่ต้องเตรียมความพร้อมรับการเลือกตั้งสนามใหญ่ที่มีปัญหากวนใจจากคนคุ้นเคย โดยผู้สมัครหมายเลข 1 อย่าง “ปรเมศวร์ ” จากทีมเรารักษ์พัทยา ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ ดร.สันต์ศักดิ์ (จรูญ ) งามพิเชษฐ์ อดีต รมช.สาธารณสุข บอกว่าการจับได้หมายเลขใดไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่การสร้างความจดจำที่ง่ายดายให้พี่น้องประชาชนถือเป็นข้อได้เปรียบ

ปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์
ขณะที่ทีม “เรารักษ์พัทยา” ประกาศชูนโยบายหาเสียงด้วยสโลแกน “Better Pattaya” ต่อยอด ต่อเนื่อง เพื่อเมืองพัทยาที่ดีขึ้น มุ่งเน้น 4 หลักการสำคัญคือ 1.การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนทั้งด้านเศรษฐกิจ การจ้างงาน และการสร้างรายได้ 2.ยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิต และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งปัญหาน้ำท่วม 3.สานต่อวิสัยทัศน์เมืองพัทยา ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาเกาะล้าน และการปรับภูมิทัศน์ชายหาด 4.การเตรียมความพร้อมเรื่องบุคลากรในด้านเทคโนโลยี และการศึกษาเพื่อตอบโจทย์เมืองศูนย์กลาง ECC

ไม่เพียงเท่านั้น ยังจะสานต่อวิสัยทัศน์โครงการ NEO PATTAYA โดยเฉพาะการพัฒนาถนนบนเกาะล้านทั้ง 15 เส้นทาง และการก่อสร้างเตาเผาขยะให้สามารถกำจัดขยะได้ 50 ตันต่อวัน อีกทั้งเรื่องการพัฒนาท่าเทียบเรือ การจัดภูมิทัศน์ต่างๆ และการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวบริเวณชายหาด

ศักดิ์ชัย แตงฮ่อ
ด้าน “ศักดิ์ชัย แตงฮ่อ” ผู้สมัครหมายเลข 2 อดีตนายอำเภอบางละมุง ดีกรีรางวัลนายอำเภอแหวนเพชร และอดีตรองอธิบดีกรมการปกครอง ผู้ซึ่งประกาศลงเลือกตั้งนายกเมืองพัทยาในนามอิสระ ยืนยันว่าตนเองไม่ใช่ไม้ประดับในสนามการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างแน่นอน

เพราะมีความตั้งใจเต็มล้นที่จะสร้างเมืองพัทยา ให้กลับสู่ความเป็นเลิศอีกครั้งหลังต้องเจอวิกฤตรอบด้านจากสถานการณ์โควิด-19 ในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา

ส่วนการจับได้หมายเลข 2 หมายถึง Victory ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์แห่งชัยชนะ ส่วนการหาเสียงจะเน้นทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์เพื่อให้เข้าถึงพี่น้องประชาชนให้มากที่สุด นอกจากนั้น ยังจะใช้วิธีการเดินปราศรัยหาเสียงเพื่อให้ได้พบปะประชาชนในทุกเขต ทุกชุมชน ตลอดระยะเวลา 51 วัน โดยจะชูสโลแกน “เปลี่ยนแปลง สร้างเมือง ยั่งยืน” เพื่อเมืองพัทยา ได้กลับมาเป็นเมืองสวย เมืองสุข เมืองปลอดภัย และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี

“มีคนสอบถามมาเยอะว่าการลงสมัครเพียงคนเดียวจะทำงานได้อย่างไร ขอบอกว่าการทำงานนั้นจะใช้แผนเป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาและทำตามความต้องการของประชาชน ตั้งแต่ระดับคณะกรรมการชุมชน และกลุ่มองค์กรต่างๆ ซึ่งเมื่อได้แผนพัฒนาแล้วจะสามารถกำหนดเป็นงบประมาณได้ เชื่อว่าสมาชิกสภาเมืองพัทยาทุกคนจะไม่มีใครขัด ด้วยสมาชิกสภามาจากการเลือกตั้งจึงเชื่อมั่นว่าสมาชิกสภาทุกคนจะให้ความร่วมมือกันทำงาน และยืนยันตัวเองไม่ได้มาคนเดียว แต่มีพี่น้องประชาชนเมืองพัทยาทั้งหมดเป็นทีม ที่จะร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ร่วมกันสร้าง และไม่หนักใจในการเป็นผู้สมัครทีมเดียวคนเดียว” นายศักดิ์ชัย กล่าว

กิตติศักดิ์ หรือบ็อบ นิลวัฒนโฒชัย
ส่วนฝั่งการเมืองใหม่อย่างทีมก้าวไกล ที่มี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นแกนนำ ซึ่งได้ส่งผู้สมัครหน้าใหม่ไฟแรงอย่าง นายกิตติศักดิ์ หรือบ็อบ นิลวัฒนโฒชัย ผู้สมัครหมายเลข 3 ลงสนามภายใต้ 2 นโยบายหาเสียงเร่งด่วนคือ การทำเมืองพัทยาให้เป็นเมืองที่พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยว และการเร่งแก้ไขปัญหาขุดเจาะถนน ฟุตปาธทั่วเมืองให้จบโดยเร็ว 

นอกจากนั้น ยังให้ความสำคัญกับการสร้างสวัสดิการให้เด็ก คนชรา ผู้พิการ และกลุ่มชุมชนที่เข้าไม่ถึงสวัสดิการแห่งรัฐ

นายกิตติศักดิ์ บอกว่า ที่ผ่านมาทีมก้าวไกลได้ร่วมกับทีมงานจากคณะก้าวหน้าพัทยา ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้คำปรึกษาทางด้านการเมือง การปกครอง ในการลงพื้นที่หาเสียงให้ทั้งตนเอง และผู้สมัครสมาชิกสภาเมืองพัทยา โดยเน้นการเดินหาเสียงแบบเคาะประตูบ้าน และหากได้รับเลือก เชื่อมั่นว่าจะสามารถ สะสางปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมืองพัทยาได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ขอให้ชาวเมืองพัทยาออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งให้มากที่สุด หลังเมืองพัทยา ร้างลาการจัดเลือกตั้งมานานกว่า 10 ปี

ขณะที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า บอกว่าตนเองพอใจในทุกหมายเลขและถือเป็นนิมิตหมายที่ดี โดยจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ไม่ถึง 2 เดือนนับจากวันเปิดรับสมัครรับเลือกตั้งนายก และสมาชิกสภาเมืองพัทยา ทำการรณรงค์หาเสียงเพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสร้างเมืองที่ดี สร้างเมืองที่น่าอยู่ สร้างพัทยาที่เป็นของทุกคน โดยจะมุ่งเน้นการพัฒนาด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน สวัสดิการ และการความมั่นคงของชีวิตประชาชนให้ดี รวมทั้งการบริหารงบประมาณอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพ ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน และทำให้เศรษฐกิจ ชีวิตของพัทยากลับคืนมา


สุดท้าย อีกหนึ่งทีมการเมืองใหญ่ที่เป็นหอกข้างแคร่แทงใจกลุ่มการเมืองบ้านใหญ่ชลบุรี ซึ่งมี “นิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร” เป็นแกนนำในนามทีมพัทยาร่วมใจ ที่เคยประกาศชัดว่าได้แยกตัวจากซุ้มบ้านใหญ่เป็นที่เรียบร้อย แม้จะเคยลงสมัครรับเลือกตั้งในนามกลุ่มบ้านใหญ่มาก่อนจนได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเมืองพัทยา เมื่อปี 2547 

ก่อนประกาศยุติบทบาททางการเมือง แต่ด้วยเสียงเรียกร้องของประชาชนจึงตัดสินใจหวนคืนวงการอีกครั้ง

โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้ได้ส่ง นายสินไชย วัฒนศาสตร์สาธร ซึ่งมีตำแหน่งนายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยาถึง 2 สมัย และยังผ่านงานการเมืองด้วยตำแหน่งสมาชิกสภาเมืองพัทยา เดินหน้าหาเสียงพร้อมผู้สมัครสมาชิกสภาเมืองพัทยาทั้ง 4 เขต ที่ทั้งหมดล้วนเป็นคนในพื้นที่โดยกำเนิด ภายใต้นโยบาย “คนบ้านเราพัฒนาบ้านเรา” เน้นการทำงานแบบมีประสบการณ์จริงที่เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด เน้นสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของสังคมเมือง แผนการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รวมทั้งเรื่องของการศึกษาและสุขอนามัย รวมทั้งการแก้ไขปัญหาปากท้อง

และการแก้ปัญหาภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของเมืองพัทยา ทั้งการขุดเจาะผิวจราจรทั่วเมือง การก่อสร้างโครงการต่างๆ ที่ดำเนินการไม่แล้วเสร็จ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว และการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม

สินไชย วัฒนศาสตร์สาธร
อย่างไรก็ดี เมืองพัทยาแม้จะเป็นเมืองท่องเที่ยวขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก โดยมีพื้นที่บนบกเพียง 54 ตาราง กม. แต่ถือว่าเป็น “เพชรเม็ดงาม” แห่งดินแดนบูรพา ด้วยมีความสมบูรณ์ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและสิ่งอำนวยความสะดวก รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย 

ปัจจัยนี้เองที่ทำให้เมืองพัทยา ก่อนสถานการณ์ระบาดโควิด-19 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้นในทุกปี และยังสามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศนับแสนล้านบาท และยังถูกกำหนดให้เป็นศูนย์กลางทางการลงทุนและการท่องเที่ยวในโครงการ EEC

อีกทั้งเมืองพัทยายังเป็นเมืองที่มีการปกครองในรูปแบบพิเศษที่มีงบประมาณนับพันล้านบาทต่อปี จึงถือเป็นพื้นที่มีความสำคัญสำหรับกลุ่มการเมืองต่างๆ ที่ความต้องการยึดเป็นฐานเสียงเลือกตั้งระดับประเทศ และจากนี้ไปคงต้องจับตาดูว่าสุดท้ายแล้วความหวังในการเปลี่ยนผังการเมืองใหม่ของ จ.ชลบุรี จะเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ หรือสุดท้ายคนบ้านใหญ่ยังจะได้มีโอกาสกุมบังเหียนพัฒนาพื้นที่ต่อไป 






กำลังโหลดความคิดเห็น