ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ทั้ง บิ๊กเนม-โนเนม แห่สมัครผู้ว่าฯ กทม.กันคึกคักวันเดียว 20 คน มาดูใครได้เบอร์อะไร แล้วพูดถึงเบอร์ที่ได้ว่าอย่างไรกันบ้าง
เข้าสู่โหมดเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และสมาชิกสภากรุงเทพมหานครแล้ว เมื่อ กกต.ประจำกรุงเทพมหานคร ได้เปิดสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก.ทั้ง 50 เขต เมื่อวานนี้ (31 มี.ค.) เป็นวันแรก โดยจะเปิดรับสมัครไปถึงวันที่ 4 เม.ย. ไม่เว้นวันหยุดราชการ และกำหนดหย่อนบัตรเลือกตั้ง ในวันที่ 22 พ.ค. 65
แน่นอนว่า บรรยากาศการรับสมัครวันแรกย่อมคึกคักเป็นพิเศษ ทั้งนักข่าว ช่างภาพ ผู้สมัคร และสีสันของกองเชียร์ ที่ยกขบวนกันมาลุ้นว่า ผู้ที่ตนเองสนับสนุนนั้น จะได้หมายเลขใดร
“ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ที่เปิดตัวตั้งแต่ปีมะโว้ และ เป็นเต็ง 1 ตลอดกาล มาสมัครโดยปั่นจักรยานมาเอง และมาถึงที่ทำการเปิดรับสมัครตั้งแต่ 06.00 น. โดยบอกว่า ที่ปั่นจักรยานมา เพราะอยากเห็นกรุงเทพฯเป็นเมืองสีเขียว และถ้าพบว่าถนนบริเวณไหนไม่เรียบ ถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะได้มาแก้ไขปรับปรุง สำหรับการหาเสียงจะเน้นแนวทางรักษ์กรุงเทพ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่เน้นการขึ้นป้าย เพราะเชื่อว่า คนกรุงเทพฯ รู้และจะเลือกในตัวตนของตนเอง และถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ก็พร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง
ส่วน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย มาพร้อมกับ “น.ต.ศิธา ทิวารี” ผู้สมัครของพรรคไทยสร้างไทย ใช้รถบัส มาพร้อมผู้สมัคร ส.ก.ของพรรคทั้ง 50 เขต ส่วน “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ผู้สมัครพรรคก้าวไกล นั่งรถเมล์ สีส้ม สาย 46
สำหรับเรื่องหมายเลขประจำตัวผู้สมัครนั้น ก่อนจับสลาก “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ บอกว่า อยากได้เบอร์ 1 จะได้เป็นที่ 1 และคนก็จำง่าย และถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.สิ่งที่จะทำเป็นอันดับแรก คือ ติดสัญญาณ wifi ทั่ว กทม. ส่วน “สกลธี ภัททิยกุล” บอกอยากได้ เบอร์ 6 เพราะจะได้ชูเป็นนโยบาย 6 ด้าน ของตนเองได้
ส่วน “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ไม่ห่วงเรื่องเบอร์ แต่ห่วงเรื่องจะต้องมาสานต่องานเก่าที่คั่งค้าง เพราะในช่วง 5 ปีที่เข้ามาดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.นั้น ตั้งใจทำงาน ลงมือทำจริง แต่บังเอิญต้องมาเสียเวลาไปกับการรับมือโรคโควิด-19 นาน 2 ปี จึงทำให้ยังมีบางปัญหาค้างคาอยู่... ส่วน “น.ต.ศิธา ธิวารี” บอกว่าสิ่งแรกที่ต้องทำ คือ จัดการกับระบบระบายน้ำของ กทม. เพราะใช้งบไปเป็นแสนล้านบาท แต่มีประสิทฺธิภาพแค่ 50%
ต่อมาเมื่อถึงเวลาเปิดรับสมัคร คือ 08.30 น.ปรากฏว่า มีผู้สมัคร 14 ราย มาถึงก่อนเวลารับสมัคร จึงต้องจับสลากเพื่อจะได้หมายเลขประจำตัวผู้สมัคร ซึ่ง “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ผู้สมัครพรรคก้าวไกล ได้หมายเลข 1, “พ.ท.หญิง ฐิฏา รังสิตพล มานิตกุล” ได้หมายเลข 2, “นายสกลธี ภัททิยกุล” ได้หมายเลข 3, “นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” ผู้สมัครพรรค ปชป. ได้หมายเลข 4, “นายวีระชัย เหล่าเรืองวัฒนะ” ได้หมายเลข 5, “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ได้หมายเลข 6, “น.ส.รสนา โตสิตระกูล” ได้หมายเลข 7, “นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ได้หมายเลข 8, “น.ส.วัชรี วรรณศรี” ได้หมายเลข 9, “นายศุภชัย ตันติคมน์” ได้หมายเลข 10, “น.ต.ศิธา ทิวารี” ผู้สมัครพรรคไทยสร้างไทย ได้หมายเลข 11, นายประยูร ครองยศ ได้หมายเลข 12, นายพิศาล กิตติเยาวมาลย์ ได้หมายเลข 13 และ นายธเนตร วงษา ได้หมายเลข 14
หลังจากได้หมายเลขประจำตัวผู้สมัครแล้ว คราวนี้มาดูความเห็นของแต่ละคน ว่าจะพูดถึงเบอร์ที่ได้รับอย่างไร ... “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” บอกว่า เลข 1 เป็นเลขที่นำเมืองที่เป็นธรรมให้กับคนกรุงเทพฯ ได้เวลาที่ชาวกรุงเทพฯ จะเป็น 1 เสียที
“เราต้องการให้ประชาชนเป็นที่หนึ่ง ประชาชนเป็นผู้ถูกคิดถึงเป็นลำดับแรกในการทำนโยบาย จัดสรรทรัพยากร มันถึงเวลาที่งบประมาณทั้งหมดจะต้องไตร่ตรอง และคิดถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่หนึ่ง ไม่ใช่ไปเอื้อให้กับนายทุน เครือข่ายผู้รับเหมา ภาษีของเราต้องไม่ประเคนให้กับนายทุนเพื่อแลกกับโครงการห่วยๆ อีกต่อไป ประชาชนก็ต้องเป็นที่ 1”
“พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ที่จับสลากได้ เบอร์ 6 ก็บอกว่า เป็นเลขนำโชคอยู่แล้ว ประชาชนเขาชอบอยู่แล้ว ก็ขอฝากถึงประชาชนว่า หากอยากให้กลับมาใหม่ ให้เลือกเบอร์ 6 เราอยากให้เขารู้ว่า เราทำงานมากว่า 5 ปีนั้น ทำอะไรบ้าง และจะทำต่อในปีที่ 6 และเชื่อว่าคนกรุงเทพฯ ยังรักคนชื่อ “อัศวิน ขวัญเมือง”
ส่วน “สกลธี ภัททิยกุล” ที่จับสลากได้หมายเลข 3 ก็ว่า เลข 3 มันสามารถเล่นคำได้ 3 ภาษา อังกฤษ คือ Three ก็คือ สกลธี และเป็นเลขตัวเดียว แต่เรื่องตัวเลขก็ไม่สำคัญ ถ้าประชาชนเลือก จะเลขไหนก็ได้ แต่เลขตัวเดียวอาจจะง่ายหน่อย ในการชู 3 นิ้วตอนหาเสียง ...แหม!! ลองนึกภาพดูว่า “สกลธี” ที่เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองกับ “ลุงกำนัน” ในนาม กปปส. หรือถูกเรียกว่า “สลิ่ม” แต่เวลาหาเสียงต้อง “ชูสามนิ้ว” สัญลักษณ์ของก๊วนสามกีบ ก็คงจะขำดี
“ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ได้หมายเลข 4 บอกว่า ตนเองเกิดเดือน 4 และความหมายของเลข 4 คือ หนทางของการดับทุกข์ เป็นอริยสัจ 4 และตนเองยังจบมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เลข 4 จึงเป็นเลขมหามงคล... ดีใจสุดๆ
“รสนา โตสิตระกูล” หมายเลข 7 บอกว่า ตนเองประกาศตัวว่าจะเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ก่อนใครๆ คือ ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว แต่ก็ถูกมองว่าเป็นม้านอกสายตามาตลอด เพราะยังไม่ได้เสนอแนวทาง นโยบาย ในการบริหารกรุงเทพฯ แต่หลังจากวันนี้เป็นต้นไป “รสนา” ประกาศว่า จะไต่อันดับขึ้นไปให้ถึงเส้นชัยให้ได้ ... โดยยึดสโลแกน “หยุดโกง เพื่อเปลี่ยน กทม.” ขอให้คนกรุงมาร่วมสู้ไปด้วยกัน เพื่อเปลี่ยน กทม.ไปด้วยกัน
สำหรับสโลแกน “หยุดโกง เพื่อเปลี่ยน กทม.” นั้น “รสนา” บอกว่า ถ้าหยุดโกง สิ่งที่จะได้ คือ 1. บำนาญประชาชน 3,000 บาท เริ่มได้ก่อนที่ กทม. 2. ไม่ต่อสัมปทาน บีทีเอส ลดค่าตั๋วเหลือ 20 บาทตลอดสาย 3. ฟ้าทะลายโจรและยาไทย ฟรีทุกบ้าน อยู่กับโควิดได้ กลับมาทำมาหากินอย่างมั่นใจ 4. กระจายงบ 50 ล้านต่อเขต ให้คนพื้นที่ตัดสินใจแก้ปัญหา 5. ระบายน้ำท่วม จ้างงานขุดลอก 1,600 คลอง ฟื้นวิถีท่องเที่ยว เวนิสตะวันออก 6. ตั้งกองทุนหลังคาบ้านโซลาร์เซลล์ ประหยัดค่าไฟ 500 บาททุกเดือน 7. ติดกล้อง CCTV 500,000 ตัว กทม. ต้องปลอดภัยทั้งทางบก และทางน้ำ 8. “เลิกรอคิวนาน” ยกระดับ 69 ศูนย์อนามัย กทม. เป็นโรงพยาบาล 24 ชม.
หลังปิดรับสมัครวันแรก ปรากฏว่า มีผู้มาสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 20 ราย เป็นชาย 16 คน หญิง 4 คน อายุมากสุด 72 ปี น้อยสุด 43 ปี ส่วน ผู้สมัคร ส.ก. ทั้ง 50 เขต รวม 343 คน
เมื่อเริ่มออกสตาร์ท จากนี้ไปถึงวันที่ 22 พ.ค. ซึ่งเป็นวันหย่อนบัตร คงจะได้เห็นการขับเคี่ยว และสีสัน ในการหาเสียงของบรรดาผู้สมัคร ทั้งที่มาในนามพรรค และผู้สมัครอิสระ สุดท้ายจะเป็นตัวเต็ง หรือม้ามืดที่เข้าวิน... เริ่มลุ้นกันได้เลย
**ศึกชิงนายกพัทยา “คุณปลื้ม” เจอคู่แข่งไม่ธรรมดา.. หรือ “ก๊วนธนาธร” จะสร้างบิ๊กเซอร์ไพรส์ ?
ขณะที่การเปิดรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เป็นไปอย่างคึกคัก ที่เมืองพัทยา ว่ากันว่า ตำแหน่ง “นายกเมืองพัทยา” ที่ “พี่ใหญ่คุณปลื้ม” สนธยา คุณปลื้ม เพิ่งลงจากเก้าอี้ ก็ได้รับความสนใจจากคอการเมืองไม่แพ้กัน
เนื่องเพราะเห็นว่า พ.ศ.นี้ ตระกูลคุณปลื้ม “เจ้าถิ่น” บ้านใหญ่ที่แทบจะเรียกว่า “ผูกขาด” อำนาจในชลบุรีมานาน จะยังคงครองใจชาวพัทยาเอาไว้ได้ต่อหรือไม่ เมื่อมี “ผู้ท้าชิง” ที่ไม่ธรรมดาปรากฏมาเขย่าบัลลังก์
เปิดฉากเปิดรับสมัครเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา และสมาชิกสภาเมืองพัทยาวันแรก เมื่อวานนี้ (31 มี.ค.) ฟังว่า ตัวเต็ง ตัวเก็ง มายื่นใบสมัครชิงตำแหน่งพร้อมหน้าพร้อมตา
ฝั่ง “บ้านใหญ่” มี “ปรเมศร์ งามพิเชษฐ์” จากทีมเรารักษ์พัทยา เข้าชิงชัย โดยจับสลากได้หมายเลข 1
รู้กันว่า “ปรเมศร์” ถือเป็นคนใกล้ชิดทำงานคลุกคลีกับคนใน “ตระกูลคุณปลื้ม” มาต่อเนื่อง ดีกรีเคยเป็นอดีตรองนายกเมืองพัทยา, อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม, อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดชลบุรี แต่เลือกตั้งหนล่าสุด ปี 2562 สอบตกเมื่อลงสมัครเขต 7 ในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ
ขณะที่ หมายเลข 4 “สินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร” ผู้สมัครอิสระจากทีมพัทยาร่วมใจ ว่ากันว่า เป็นอีกคนที่เคยทำงานร่วมก๊วนกับปรเมศร์มาก่อน เพราะเป็นสมาชิกสภาเมืองพัทยา และเป็นอดีตนายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา 2 สมัย
ส่วนผู้ท้าชิง ที่มี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า เป็นโปรโมเตอร์ จัด “กิตติศักดิ์ นิลวัฒนโฒชัย” ลงสมัครในสังกัด “คณะก้าวหน้า” จับสลากได้หมายเลข 3
“กิตติศักดิ์” ตามประวัติเป็นมือการเงิน เคยทำงานเป็นนายแบงก์ทั้งไทย และต่างประเทศ ถือเป็นผู้สมัครที่ ธนาธร หมายมั่นปั้นมือจะโค่น “บ้านใหญ่” ให้ได้ หลังจากเคยชิมลางตอนที่ยังเป็น พรรคอนาคตใหม่ เคยสร้างปรากฏการณ์โค่น “อิทธิพล คุณปลื้ม” รมว.กระทรวงวัฒนธรรม มาแล้ว
ขณะที่ “ศักดิ์ชัย แตงฮ่อ” ผู้สมัครอิสระ ซึ่งจับสลากได้หมายเลข 2 ก็ไม่ธรรมดา อดีตเคยเป็นนายอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ปี 2556 และตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณอายุ เป็นอดีตรองอธิบดีกรมการปกครอง ถือเป็นอีกคนที่คาดว่าจะมา “แบ่งแต้ม” จากตัวเต็งทั้งสองจาก “บ้านใหญ่” และ “คณะธนาธร” ได้
นี่แค่วันแรกที่เมืองพัทยาก็เปิดหน้า หงายไพ่พร้อมจะต่อกรชิงชัยกันดุเดือด แต่การเปิดรับสมัครรับเลือกตั้งนายกเมืองพัทยาครั้งนี้ ยังเหลือเวลาอีกหลายวัน เพราะเปิดเอาไว้ถึงวันที่ 4 เมษายน 2565 งานนี้ บ้านใหญ่จะมีผู้มาต่อกรเพิ่มหรือไม่ ก็ยังมีความเป็นไปได้สูง โดยเฉพาะ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และ ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้ “อวยยศ” จากลุงๆ เป็น “แม่ทัพ” ชลบุรี จะส่ง “นอมินี” ลงสนามมาประลองกำลังกับ “คุณปลื้ม” หรือไม่ หลังจากก่อนหน้านี้ไม่นานเคยเปิดศึกน้ำลายกันมาแล้ว
งานนี้ บ้านใหญ่โดนท้าทายจะรักษาฐานที่มั่นไว้ได้ หรือ จะเพลี่ยงพล้ำให้กับ ก๊วนธนาธร และ คู่แข่งที่ไม่ธรรมดา เป็น “บิ๊กเซอร์ไพรส์” หรือไม่ คงต้องติดตามกันต่อไป
