xs
xsm
sm
md
lg

รอง ผบ.ทบ.สุดปลื้มลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขหมอกควันภาคเหนือ พบลดจุดความร้อนลงได้ 65% เกินเป้าหลายเท่าตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เชียงใหม่ - รองผู้บัญชาการทหารบก ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ติดตามการดำเนินงานแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันภาคเหนือ ภายหลังจุดความร้อนใน 17 จังหวัดภาคเหนือลดลง 65% สูงกว่าเป้าหมายที่เบื้องต้นตั้งไว้จะลดลงให้ได้ 20%


บ่ายวันนี้ (5 เม.ย. 65) ที่สโมสรยอดทัพบันเทิง กองพลทหารราบที่ 7 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ พล.อ.อภินันท์ คำเพราะ รองผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานของกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า เพื่อรับทราบสถานการณ์ แนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ภายหลังจากห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาค่าคุณภาพอากาศเริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในหลายจังหวัด โดยนายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ให้การต้อนรับและให้ข้อมูลการบริหารสถานการณ์หมอกควันไฟป่าของเชียงใหม่

ทั้งนี้ รองผู้บัญชาการทหารบกกล่าวว่า ปัญหาหมอกควันและการเผาป่าในพื้นที่ภาคเหนือ เป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีการเผาป่าในทุกๆ ปี จนเกิดปัญหาทางมลพิษ ในปีนี้รัฐบาลจึงได้มีนโยบายตั้งเป้าหมายลดจุดความร้อนให้ได้ร้อยละ 20 และพบว่าสามารถดำเนินการลดจุดความร้อนได้เกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ กองทัพบกจึงได้ลงพื้นที่เพื่อมาติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน เพื่อหาแนวทางความร่วมมือ สนับสนุนการแก้ปัญหา พร้อมทั้งมารับทราบปัจจัยแห่งความสำเร็จในการแก้ไขปัญหา ภายหลังพบว่าสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองในปัจจุบัน ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564-มีนาคม 2565 ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ มีจุดความร้อนลดลงถึง 65% ส่งผลให้ค่าคุณภาพอากาศดีกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ กองทัพบกได้มุ่งเน้นสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาล เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมให้มีความปลอดภัยต่อประชาชนในพื้นที่ พร้อมจัดตั้งกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้า เพื่อให้เกิดผลการปฏิบัติงานอย่างแท้จริง และควบคุมการเผาให้มีประสิทธิภาพ


ในส่วนของกองบัญชาการควบคุมสถานการณ์ไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ กองทัพภาคที่ 3 ได้ยึดถือนโยบายในการแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องเร่งรัดแก้ไขปัญหา โดยบูรณาการการทำงานร่วมกับส่วนราชการ องค์กรที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาคเอกชน และประชาชน พร้อมเพิ่มความเข้มข้นในการปฏิบัติงานโดยการสร้างเครือข่ายภาคประชาสังคม รวมถึงการใช้จิตอาสาเข้าร่วมปฏิบัติงาน โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่เกิดไฟป่าซ้ำซาก ให้มีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง แจ้งเตือนและร่วมดับไฟป่า ตลอดจนควบคุมการเกิดไฟป่าและหมอกควันไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ซึ่งในปีนี้ได้มีการขับเคลื่อนระบบการบริหารงานแบบ Single Command โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ และใช้เทคโนโลยีการสื่อสาร โดยใช้แอปพลิเคชันตรวจวัดคุณภาพอากาศ การเกิดจุดความร้อน ใช้ข้อมูลจากดาวเทียมมาตรวจสอบ เพื่อช่วยในการตัดสินใจในการประชุมสั่งการและดำเนินการดับไฟป่าให้ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมส่งเสริมบทบาทเครือข่ายภาคประชาชนให้เป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนกิจกรรมของภาครัฐ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการปรับพฤติกรรม เปลี่ยนวิถีการดำรงชีพแบบดั้งเดิม








กำลังโหลดความคิดเห็น