นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยนายอิสระ ศิริไสยาสน์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานและมอบนโยบายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน พื้นที่อำเภอสะเมิง ในวันนี้ (1 เม.ย.) โดยมีนายณฐกร ภัทรวนนท์ นายอำเภอสะเมิง พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมรับฟังแนวทางการปฏิบัติและชี้แจงผลการดำเนินงานที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สถานการณ์ไฟป่าหมอกควันในพื้นที่อำเภอสะเมิง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2565 เกิดจุดความร้อน (Hotspot) ขึ้น 125 จุด ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี ย้อนหลังถึงร้อยละ 81 ส่วนมากมักเกิดไฟในพื้นที่เขาสูงชันยากต่อการเข้าดับไฟ ประกอบกับมีเชื้อเพลิงสะสมเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ไฟที่เกิดขึ้นขยายเป็นวงกว้าง และบางแห่งมีการแกล้งจุดจึงทำให้เกิดจุด Hotspot ขึ้นพร้อมกันหลายจุด โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 29-31 มีนาคม ที่ผ่านมา เกิดเหตุไฟไหม้ป่าอนุรักษ์ กว่า 20 จุด จังหวัดเชียงใหม่ระดมกำลังเจ้าหน้าที่และอากาศยานเข้าดับไฟจนสามารถเข้าควบคุมไฟไว้ได้ทั้งหมด พร้อมจัดสรรเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟตามจุดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดทำแนวกันไฟ รวม 40 ครั้ง รวมระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร และจัดประชาคม สร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่ทั้ง 44 หมู่บ้าน และจัดเตรียม Safety Zone ให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพในช่วงที่เกิดจุด Hotspot เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ กว่าร้อยละ 70-80 ของประชากรอำเภอสะเมิง ประกอบอาชีพเกษตรกร จึงมีการผ่อนผันให้มีการใช้พื้นที่ป่าในการประกอบเกษตรกรรม และมีการอนุญาตให้มีการเข้าไปหาของป่า จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่อำเภอสะเมิงช่วยกันในการป้องกันและไม่เข้าไปจุดไฟในพื้นที่ป่า และสร้างความเสียหายกับระบบนิเวศ ดังนั้น การสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จึงเป็นสิ่งสำคัญในการร่วมกันแก้ไขปัญหา พร้อมสั่งปิดป่าในอำเภอสะเมิงเป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันการเข้าไปหาของป่าและจุดไฟ โดยขอความร่วมมือกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาสัมพันธ์ชาวบ้าน หากพบเห็นการจุดไฟในพื้นที่ป่าจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ สถานการณ์ไฟป่าหมอกควันในพื้นที่อำเภอสะเมิง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2565 เกิดจุดความร้อน (Hotspot) ขึ้น 125 จุด ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี ย้อนหลังถึงร้อยละ 81 ส่วนมากมักเกิดไฟในพื้นที่เขาสูงชันยากต่อการเข้าดับไฟ ประกอบกับมีเชื้อเพลิงสะสมเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ไฟที่เกิดขึ้นขยายเป็นวงกว้าง และบางแห่งมีการแกล้งจุดจึงทำให้เกิดจุด Hotspot ขึ้นพร้อมกันหลายจุด โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 29-31 มีนาคม ที่ผ่านมา เกิดเหตุไฟไหม้ป่าอนุรักษ์ กว่า 20 จุด จังหวัดเชียงใหม่ระดมกำลังเจ้าหน้าที่และอากาศยานเข้าดับไฟจนสามารถเข้าควบคุมไฟไว้ได้ทั้งหมด พร้อมจัดสรรเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนเฝ้าระวังในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟตามจุดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดทำแนวกันไฟ รวม 40 ครั้ง รวมระยะทางกว่า 300 กิโลเมตร และจัดประชาคม สร้างความเข้าใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่ทั้ง 44 หมู่บ้าน และจัดเตรียม Safety Zone ให้กับประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพในช่วงที่เกิดจุด Hotspot เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ กว่าร้อยละ 70-80 ของประชากรอำเภอสะเมิง ประกอบอาชีพเกษตรกร จึงมีการผ่อนผันให้มีการใช้พื้นที่ป่าในการประกอบเกษตรกรรม และมีการอนุญาตให้มีการเข้าไปหาของป่า จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่อำเภอสะเมิงช่วยกันในการป้องกันและไม่เข้าไปจุดไฟในพื้นที่ป่า และสร้างความเสียหายกับระบบนิเวศ ดังนั้น การสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จึงเป็นสิ่งสำคัญในการร่วมกันแก้ไขปัญหา พร้อมสั่งปิดป่าในอำเภอสะเมิงเป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันการเข้าไปหาของป่าและจุดไฟ โดยขอความร่วมมือกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาสัมพันธ์ชาวบ้าน หากพบเห็นการจุดไฟในพื้นที่ป่าจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง