ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมายนำตัวอย่างทองคำโบราณจากปราสาทหินในภาคอีสานอายุเกือบพันปีมาวิเคราะห์หาองค์ประกอบ โดยใช้เทคโนโลยีแสงซินโครตรอนเพื่อปรับปรุงข้อมูลส่วนจัดแสดงนิทรรศการถาวรของพิพิธภัณฑ์ และยังเป็นฐานข้อมูลเทียบกับฐานข้อมูลทางธรณีวิทยา และนำไปสู่การค้นหา “สายแร่ทองคำ” ที่เป็นแหล่งที่มาของทองคำ
วันนี้ (30 มี.ค.) นางเบญจวรรณ พลประเสริฐ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย จ.นครราชสีมา นำตัวอย่างทองคำโบราณจากปราสาทหินในภาคอีสานกว่า 20 รายการ มาวิเคราะห์ที่สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยมี ดร.วันทนา คล้ายสุบรรณ์ ผู้จัดการระบบลำเลียงที่ 8 รับตัวอย่างมาวิเคราะห์ด้วยเทคนิคแสงซินโครตรอน
ซึ่งทองคำดังกล่าวเป็นทองคำในสมัยพุทธศตวรรษที่ 16 ซึ่งอยู่ในช่วงยุคอารยธรรมขอมกำลังรุ่งเรือง และแผ่อิทธิพลมายังอาณาจักรไทยในอดีต
ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย กล่าวว่า "ตัวอย่างทองคำโบราณได้คัดเลือกมาเพียงบางส่วน เพื่อวิเคราะห์หาส่วนผสม องค์ประกอบต่างๆ ในทองคำ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยมีข้อมูลเรื่องนี้ ข้อมูลจากงานการวิเคราะห์นี้จะนำไปสู่การนำเสนอข้อมูลใหม่ ในการปรับปรุงส่วนจัดแสดงนิทรรศการถาวรใหม่ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย อีกด้วย ซึ่งจะเริ่มในปลายปีนี้
อีกทั้งยังใช้เป็นฐานข้อมูลเทียบกับฐานข้อมูลทางธรณีวิทยา เพื่อค้นหา “สายแร่ทองคำ” ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดหรือแหล่งที่มาของทองคำโบราณเหล่านี้ได้
นอกจากทองคำโบราณแล้ว พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย และสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนยังมีความร่วมมือในการใช้แสงซินโครตรอนวิเคราะห์โบราณวัตถุอื่นๆ อีกด้วย เช่น ลูกปัดโบราณ พระพุทธรูปโบราณ ประติมากรรมโบราณ เป็นต้น