xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กป้อม” หนุนปัดฝุ่นโครงการเขื่อนทดน้ำบางปะกงเพิ่มปริมาณน้ำตะวันออก รับการเติบโตเกษตร-อุตสาหกรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ฉะเชิงเทรา - “บิ๊กป้อม” หนุนจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มในพื้นที่ภาคตะวันออก รับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม กำชับหน่วยงานเกี่ยวข้องปัดฝุ่นโครงการเขื่อนทดน้ำบางปะกง แก้ปัญหาน้ำไม่เพียงพอสำหรับภาคเกษตรและอุตสาหกรรมในช่วงหน้าแล้ง

วันนี้ (17 มี.ค.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำภาคตะวันออก โดยมี นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมมรุพงษ์ศิริพัฒน์ ศาลากลางจังหวัด

นอกจากนั้น ยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมสรุปภาพรวมการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก และใน จ.ฉะเชิงเทรา รวมทั้งแนวทางการควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำบางปะกง และการบริหารจัดการน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนในพื้นที่

ก่อนเดินทางลงตรวจเยี่ยมโครงการเขื่อนทดน้ำบางปะกง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับวัดสมานรัตนาราม ต.บางแก้ว พร้อมมอบนโยบายในการบริหารจัดการน้ำภาคตะวันออกซึ่งถือเป็นพื้นที่สำคัญด้านเศรษฐกิจ และยังเป็นฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรมหลักของประเทศ รวมทั้งแหล่งเพาะปลูกผลไม้ที่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศอย่างมหาศาล


แต่ที่ผ่านมามักประสบภาวะฝนทิ้งช่วงและแหล่งกักเก็บน้ำที่มีไม่เพียงพอ แม้จากการรายงานของหน่วยงานในพื้นที่จะแสดงให้เห็นว่าปริมาณน้ำในฤดูแล้งปีนี้ไม่น่าห่วง เนื่องจากมีฝนตกมากกว่าปีที่ผ่านมา และปัจจุบันยังพบว่ามีปริมาณน้ำใช้ในพื้นที่รวมกันมากถึง 1,618 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 55 ของลุ่มน้ำ

ส่วนปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.ปราจีนบุรี ที่ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมการใช้น้ำในด้านต่างๆ โดยเฉพาะน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคนั้น รัฐบาลได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาแนวทางแก้ไขให้เป็นระบบในระยะยาว พร้อมมอบหมายให้ สทนช. บูรณาการเพื่อขับเคลื่อนแผนการบริหารจัดการน้ำทั้งในระยะเร่งด่วน และระยะยาว

และกำหนดให้กรมชลประทาน บริหารจัดการน้ำเค็มในแม่น้ำบางปะกง ด้วยการใช้เขื่อนทดน้ำบางปะกงเป็นกลไกหลักในการบริหารจัดการ และมอบหมายให้ กปภ. วางแผนการใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค พร้อมจัดหาแหล่งน้ำสำรองไว้ล่วงหน้า

ส่วน จ.ฉะเชิงเทรา ให้เร่งพิจารณาเสนอแผนงานโครงการแก้ไขปัญหาให้ครอบคลุมพื้นที่ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ควบคู่ไปกับการสร้างการรับรู้และส่งเสริมให้ภาคประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา


ทั้งจากข้อมูลยังระบุถึงสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำบางปะกง ว่า มีปริมาณน้ำจำนวน 699 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 44 จากแหล่งน้ำขนาดใหญ่ 3 แห่ง คือ เขื่อนขุนด่านปราการชล อ่างเก็บน้ำคลองสียัด และอ่างเก็บน้ำนฤบดินทรจินดา ซึ่งมีปริมาณน้ำใช้รวมกัน 313 ล้าน ลบ.ม.

ขณะที่แหล่งกักเก็บน้ำในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา มีปริมาณน้ำใช้รวม 128 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งมากกว่าในปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 30

ขณะที่ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. กล่าวถึงแผนการพัฒนาแหล่งน้ำที่สำคัญพื้นที่ลุ่มน้ำบางปะกงว่า สทนช. ได้วิเคราะห์กลั่นกรองเตรียมแผนโครงการสำคัญในปี 2566-2567 รวม 27 โครงการ ซึ่งหากหน่วยงานต่างๆ สามารถดำเนินการได้ตามแผน จะช่วยเพิ่มปริมาณการกักเก็บได้ 792 ล้าน ลบ.ม. และมีพื้นที่รับประโยชน์ 1,522,883 ไร่ ประชาชนได้รับประโยชน์ 371,133 ครัวเรือน

เช่น ปรับปรุงประสิทธิภาพแผนการผลิตน้ำประปา กปภ.สาขาบางคล้า การอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองแขนนาง จ.ปราจีนบุรี ซึ่งจะได้น้ำเพิ่มขึ้น 4.12 ล้าน ลบ.ม. โครงการระบบสูบกลับอ่างเก็บน้ำคลองสียัด จ.ฉะเชิงเทรา ที่จะได้น้ำเพิ่มขึ้นอีก 6 ล้าน ลบ.ม.






กำลังโหลดความคิดเห็น