"พลเอกประวิตร"นั่งหัวโต๊ะถกการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2565 จำนวนทั้งสิ้น 13 มาตรการ เพื่อเตรียมความพร้อมบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝนให้เร็วยิ่งขึ้น
วันนี้ (11 มี.ค.) เวลา 10.00 น. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 1/2565 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมชลประทาน กรมโยธาธิการและผังเมือง เป็นต้น เข้าร่วมการประชุม ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
พลเอกประวิตร เปิดเผยว่า การประชุมในวันนี้ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบต่อร่างมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2565 จำนวนทั้งสิ้น 13 มาตรการ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการเตรียมความพร้อมบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝนให้เร็วยิ่งขึ้นและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ได้แก่ 1) คาดการณ์ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและฝนน้อยกว่าค่าปกติ 2) การบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำเพื่อรองรับน้ำหลาก 3) ทบทวน ปรับปรุงเกณฑ์บริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่-กลาง และเขื่อนระบายน้ำ 4) ซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารชลศาสตร์/ ระบบระบายน้ำสถานีโทรมาตรให้พร้อมใช้งาน 5) ปรับปรุง แก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ 6) ขุดลอกคูคลองและกำจัดผักตบชวา 7) เตรียมพร้อม/วางแผนเครื่องจักร เครื่องมือ ประจำพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและฝนน้อยกว่าค่าปกติ 8)เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำและปรับปรุงวิธีการส่งน้ำ 9) ตรวจความมั่นคงปลอดภัยคัน/ทำนบ/พนังกั้นน้ำ 10) จัดเตรียมพื้นที่อพยพและซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ 11) ตั้งศูนย์ส่วนหน้าก่อนเกิดภัย 12) การสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ 13) ติดตามประเมินผลปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ภัย โดยมอบหมายให้ สทนช. เป็นหน่วยงานบูรณาการโครงการเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2565 และการเก็บกักน้ำเพื่อฤดูแล้ง ปี 2565/2566 เสนอ กนช. และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณ รวมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการให้สอดคล้องกับมาตรการดังกล่าวด้วย
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้นำงานวิจัยการกำจัดผักตบชวา โดยใช้จุลินทรีย์ชีวภาพจากสารสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพน้ำและสัตว์น้ำ ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังและสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย เพื่อนำมาทดลองปฏิบัติงานจริงในช่วงฤดูฝนนี้ ควบคู่กับการใช้เครื่องจักรกลในการกำจัดผักตบชวาเพื่อให้สามารถกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำได้อย่างยั่งยืน โดยให้มีการกำหนดพื้นที่สำหรับทดลองเพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพของการใช้สารสกัดสมุนไพรกำจัดผักตบชวา และมอบหมายให้ สทนช.เป็นเจ้าภาพร่วมกับกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมชลประทาน กรมเจ้าท่า และองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่เกี่ยวข้องบูรณาการเชิงปฏิบัติการเพื่อทดสอบประสิทธิภาพการใช้งานจริงและรายงานผลการดำเนินการให้คณะอนุกรรมการฯทราบเป็นระยะต่อไป
ด้าน ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบปฏิทินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำฉบับปรับปรุง ซึ่งได้มีการทบทวนและปรับขั้นตอนของปฏิทิน รวมถึงปรับเปลี่ยนช่วงเวลาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ทั้งช่วงฤดูแล้ง (1 พ.ย. – 30 เม.ย.) และฤดูฝน (1 พ.ค. - 31 ต.ค.) และให้เสนอต่อ กนช. ในการประชุมครั้งที่ 1/2565 ในวันที่ 14 มีนาคม ที่จะถึงนี้ พร้อมมอบหมายให้ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานตามปฏิทินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เพื่อเป็นกรอบแนวทางให้หน่วยงานร่วมกันบริหารจัดการทรัพยากรน้ำช่วงฤดูฝนและฤดูแล้งอย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์.