บุรีรัมย์ - บังคับคดีบุรีรัมย์ทำหนังสือถอนการยึดบ้านและที่ดินยายวัย 66 แล้ว ด้านธนาคารหิ้วกระเช้าขอโทษ หลังตรวจพบ จนท.ทำเรื่องนำยึดทรัพย์ผิดบ้านผิดคน เหตุเพราะชื่อเหมือนกัน จำเลยตัวจริงที่เป็นหนี้แบงก์อยู่โคราช คุณยายและลูกเขยจ่อฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย หากคู่กรณีไม่รับผิดชอบ
วันนี้ (10 มี.ค.) ความคืบหน้ากรณีที่ นางสมัย พิมเสน อายุ 66 ปี ชาว ต.หนองเยือง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ พร้อมนายเกริกโกวิท ชานันโท ลูกเขย ได้นำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานที่ สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ หลังจากมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานบังคับจังหวัดบุรีรัมย์ นำหมายบังคับคดีเรื่องการยึดทรัพย์บ้านและที่ดินมาปิดที่ประตูรั้วหน้าบ้าน เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 8 มี.ค. 65 ที่ผ่านมา พร้อมคำพิพากษาศาลที่ระบุว่า นางสมัย พิมเสน ตกเป็นจำเลย 1 ใน 5 ที่ถูกธนาคารแห่งหนึ่งเป็นโจทก์ฟ้องให้ชำระหนี้ พร้อมดอกเบี้ยรวมกว่า 12,450 บาท โดยเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ได้เป็นหนี้ธนาคาร และไม่เคยรู้จักกับจำเลยทั้ง 4 คน น่าจะเป็นการออกหมายผิดบ้านผิดคนมากกว่า จึงเรียกร้องให้บังคับคดีและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น
ล่าสุดวันนี้ตัวแทนจากสำนักงานบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมผู้แทนธนาคารที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง รวมถึงเจ้าหน้าที่จากสำนักงานกฎหมายที่ได้รับมอบอำนาจจากธนาคาร ให้เป็นผู้นำยึดทรัพย์จำเลย ก็ได้มาพูดคุยชี้แจงกับ นางสมัย พิมเสน และลูกเขย ที่เป็นผู้เสียหาย ที่สำนักงานบังคับคดี จ.บุรีรัมย์ แต่ไม่อนุญาตให้สื่อบันทึกภาพ
โดยทางธนาคารยอมรับว่าเกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่สำนักกฎหมาย ที่ทำเรื่องนำยึดทรัพย์ผิดบ้านผิดคน ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลหลักฐานต่างๆ แล้วพบว่า นางสมัย พิมเสน ผู้เสียหายรายดังกล่าว ไม่ใช่บุคคลที่ถูกธนาคารยื่นฟ้องและมีหมายยึดทรัพย์ โดยจำเลยตัวจริงที่เป็นหนี้ธนาคาร ถูกศาลพิพากษาให้ยึดทรัพย์ เป็นชาว อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา คาดว่าที่ทำเรื่องนำยึดผิดบ้านผิดคน เจ้าหน้าที่น่าจะไม่ได้ตรวจสอบให้รอบคอบ เพราะทั้งประเทศมีคนชื่อ สมัย พิมเสน ถึง 15 คน
นางสมัย พิมเสน ผู้เสียหาย บอกว่า หลังจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มาพูดคุยชี้แจงและยอมรับว่ากรณีที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่เอง รู้สึกสบายใจขึ้นจากที่ก่อนหน้าพอมีชื่อตกเป็นจำเลยว่าเป็นหนี้ธนาคารถูกฟ้องยึดทรัพย์ และมีหมายบังคับคดีมาปิดประกาศยึดบ้านและที่ดิน ก็เครียดมาก แต่ตอนนี้โล่งใจขึ้นเพราะทางบังคับคดีได้ถอนการยึดทรัพย์ให้แล้ว และได้นำกระเช้ามาขอโทษด้วย ส่วนเรื่องการชดเชยเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นยังรอดูอีกครั้ง
ด้าน นายเกริกโกวิท ลูกเขย บอกว่า กรณีดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ นางสมัย พิมเสน แม่ยาย โดยตรงไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพจิตใจ เสียหายอับอาย ทั้งต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปโรงพัก และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์และความถูกต้อง ส่วนการพูดคุยวันนี้ได้มีการยื่นข้อเสนอให้ธนาคารซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้องแม่ยาย ได้จ่ายเงินชดเชยแก่ผู้เสียหาย 150,000 บาท โดยทางตัวแทนธนาคารที่มาเจรจาจะได้นำข้อเสนอดังกล่าวไปพูดคุยหารือกับทางผู้บริหารอีกครั้ง ว่าจะชดเชยตามข้อเสนอหรือไม่อย่างไรภายในระยะเวลา 7 วัน
หากทางธนาคารพร้อมจ่ายชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อแสดงความรับผิดชอบอย่างเป็นรูปธรรมและให้เกิดความถูกต้อง ทั้งแม่ยายที่มีชื่อตกเป็นจำเลย และตนเองในฐานะที่เป็นเจ้าบ้านหลังที่ถูกนำหมายบังคับคดีไปปิดประกาศหน้าบ้าน พร้อมจะยุติเรื่องไม่ดำเนินการฟ้องร้องใดๆ
แต่หากทางธนาคาร หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่แสดงความรับผิดชอบตามที่มีการเสนอหรือเรียกร้อง ทางแม่ยาย และตนเอง คงต้องใช้สิทธิตามกฎหมายด้วยการยื่นฟ้องธนาคาร รวมถึงสำนักงานบังคับคดี จ.บุรีรัมย์ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ก่อให้เกิดความผิดพลาดจนสร้างความเสียหายแก่ผู้บริสุทธิ์ ที่ไม่ได้เป็นหนี้ธนาคารแต่กลับมีชื่อตกเป็นจำเลย และมีหมายบังคับคดีมายึดทรัพย์
“กรณีที่เกิดขึ้น อยากฝากให้ทางธนาคาร สำนักงานบังคับคดี หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบมากกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นหมายสืบทรัพย์ หรือหมายบังคับคดีต่างๆ ควรจะมีเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก ประกอบมาด้วย หรือก่อนจะแปะหมายควรจะสอบถามให้ชัดเจนก่อน ก็คงจะไม่เกิดกรณีความผิดพลาดแบบนี้ขึ้น” นายเกริกโกวิท กล่าว