บุรีรัมย์ - หมดสิ้นหนทาง! หญิงวัย 41 ชาวบุรีรัมย์ ถูกนายทุนฟ้องขับไล่ออกจากบ้านหลังนำโฉนดบ้าน-ที่ดินไปขายฝากเพื่อใช้หนี้ธนาคารเครียดจัด ยังไม่มีหน่วยงานใดยื่นมือช่วยเหลือ ต้องหันพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์จุดธูปศาลพระภูมิวอนขอให้มีทางออก เหลืออีกแค่ 3 วันจะไร้ที่อยู่ สงสารแม่กับลูกไม่รู้จะไปอยู่ไหน วอนนายทุนเมตตาเห็นใจ หากไม่มีใครช่วยยอมถูกจับ
วันนี้ (1 มี.ค.) ความคืบหน้ากรณีที่นางกชพร เจือจันทร์ อายุ 41 ปี ชาวอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งป่วยซึมเศร้าบางครั้งหากเครียดจัดจะมีอาการลิ้นแข็งชักเกร็ง ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังจากนำโฉนดที่ดิน 2 แปลง คือ แปลงสวนยางพารา 15 ไร่ และแปลงบ้านพร้อมที่ดินที่อาศัยอยู่กับครอบครัวในปัจจุบันอีก 3 ไร่ รวมทั้งหมด 18 ไร่ ไปทำสัญญาขายฝากไว้กับนายทุนรายหนึ่งในราคา 1,050,000 บาทเมื่อปลายปี 2557 เพื่อนำเงินไปใช้หนี้ธนาคาร แต่ต่อมาพบว่านายทุนได้ระบุยอดขายฝากในสัญญาเป็น 1,500,000 บาท และพอปลายปี 2558 พบว่าที่ดินทั้ง 2 แปลงได้ถูกเปลี่ยนเป็นชื่อของนายทุนที่รับขายฝากแล้ว
จากนั้นนายทุนให้ทำสัญญาเช่าอยู่อาศัยในบ้านของตัวเองเดือนละ 500 บาท แต่นางกชพรจ่ายค่าเช่าไม่ต่อเนื่องเพราะมีปัญหาเรื่องสุขภาพทำงานไม่ได้ ทั้งมีภาระต้องดูแลแม่ที่ชราวัย 76 ปี ลูก 2 คน และหลานอีก 1 คนด้วย จนถูกนายทุนฟ้องขับไล่ออกจากบ้านที่อาศัยอยู่กับครอบครัว โดยศาลมีคำสั่งให้ย้ายออกจากบ้านภายในวันที่ 4 มี.ค. 2565 ที่จะถึงนี้ ไม่รู้ว่าจะพาแม่และลูกหลานไปอยู่ที่ไหน เครียดถึงขั้นเคยคิดสั้นหนีปัญหาแต่สงสารแม่ และลูกหลาน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านของนางกชพร อีกครั้ง จากการสอบถามทราบว่ายังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาช่วยเหลือหรือให้คำแนะนำอะไรเลย ถึงแม้ที่ผ่านมาจะเคยไปยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมแล้ว ซึ่งตอนนี้เครียดมากกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะเหลือเวลาอีกแค่ 3 วันที่ตนกับแม่ และลูก หลานจะต้องย้ายออกจากบ้านหลังดังกล่าวตามคำสั่งศาล แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหนเพราะไม่มีบ้าน หรือที่ดินที่อื่นแล้วเพราะอาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด
เรื่องราวที่เกิดขึ้นตนไม่ได้จะโทษใคร ส่วนที่นำโฉนดบ้านและที่ดินไปขายฝากเพราะตอนนั้นจำเป็นต้องนำเงินไปใช้หนี้ธนาคาร ก็คิดว่าจะหาเงินมาไถ่ถอนโฉนดคืนได้ แต่กลับมาเจอมรสุมชีวิตรุมเร้าเลิกรากับสามีทิ้งภาระหนี้สินให้รับผิดชอบคนเดียว ตอนนี้แค่อยากจะขอให้หน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือหาทางออก และขอความเมตตาจากนายทุน ตนพร้อมจะทำตามเงื่อนไขหากพอมีทางที่จะได้อยู่ในบ้านหลังนี้ต่อ สงสารแต่แม่กับลูกไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน แต่หากหมดหนทางจริงๆ และไม่มีที่ไปตนก็ยอมถูกจับ
ทั้งนี้ นางกชพรยังได้จุดธูปไหว้ศาลพระภูมิหน้าบ้านเพื่อวิงวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผีบ้านผีเรือน ช่วยดลบันดาลให้มีคนมาช่วยหาทางออก หรือให้นายทุนเมตตา เพราะเหลือเวลาอีกแค่ 3 วันก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว