บุรีรัมย์ - ยายวัย 66 ชาวบุรีรัมย์แทบช็อกเจอบังคับคดีปิดหมายประกาศยึดทรัพย์โฉนดที่ดินพร้อมบ้าน ทั้งมีชื่อตกเป็นจำเลย 1 ใน 5 ถูกแบงก์ฟ้องไม่ชำระหนี้ ทั้งที่ไม่เคยกู้และไม่รู้จักจำเลยทั้ง 4 เชื่อ จนท.ออกหมายผิดคน ทำเสียหายอับอายเครียดกินไม่ได้นอนไม่หลับ หอบหลักฐานโร่แจ้ง ตร. จี้ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบและรับผิดชอบ ด้านบังคับคดีเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง
วันนี้ (9 มี.ค.) นางสมัย พิมเสน อายุ 66 ปี ชาว ต.หนองเยือง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ พร้อมนายเกริกโกวิท ชานันโท อายุ 45 ปี ลูกเขย ได้นำเอกสารหลักฐาน เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ หลังจากมีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานบังคับคดีจังหวัดบุรีรัมย์ นำหมายบังคับคดีเรื่องการยึดทรัพย์มาปิดที่ประตูรั้วหน้าบ้าน เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 8 มี.ค. 65
โดยหมายบังคับคดีดังกล่าวระบุว่า “เจ้าพนักงานบังคับคดี ขอประกาศให้ทราบทั่วกันว่า ศาลจังหวัดพิมาย ได้มีหมายบังคับคดีให้จัดการยึดทรัพย์ของจำเลยทั้ง 5 และบัดนี้เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์ของนางสมัย พิมเสน จำเลยที่ 1 ไว้แล้ว คือ ที่ดินโฉนดเลขที่ 2902 เลขที่ดิน 22 หน้าสำรวจ 1526 ต.หนองเยือง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง เลขที่ ไม่ปรากฏเลขทะเบียน ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำให้เสียหาย จำหน่ายจ่ายโอน หรือกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดแก่ทรัพย์ที่ยึดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นอันขาด”
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ยื่นหมายบังคับคดี คำพิพากษาศาลจังหวัดพิมาย ที่ระบุว่า นางสมัย พิมเสน ตกเป็นจำเลย 1 ใน 5 ที่ถูกธนาคารแห่งหนึ่งเป็นโจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้สิน พร้อมดอกเบี้ยรวมกว่า 12,450 บาท แก่ทางธนาคาร
นางสมัยยืนยันว่าไม่ได้เป็นบุคคลตามที่มีหมายบังคับคดีมาปิดประกาศยึดทรัพย์ และไม่ได้เป็นบุคคลตามที่ธนาคารฟ้องจนถูกศาลพิพากษา ระบุว่าเป็นจำเลย 1 ใน 5 ที่ค้างชำระหนี้ธนาคาร เพราะตนไม่เคยไปกู้เงินหรือทำธุรกรรมใดๆ กับธนาคารดังกล่าวเลย และไม่เคยรู้จักกับจำเลยอีก 4 คนตามที่ระบุในหมายด้วย เชื่อว่าน่าจะเกิดความผิดพลาด หรือเป็นการส่งหมายผิดคนและผิดบ้านมากกว่า เพราะไม่เคยกู้เงินกับธนาคารนี้เลยจะเป็นหนี้ได้ยังไง
แต่ยอมรับว่าหลังมีหมายบังคับคดีปิดประกาศยึดทรัพย์มาแปะที่หน้าบ้านก็เครียด กินไม่ได้นอนไม่หลับเลย จึงอยากให้สำนักงานบังคับคดี และผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวด้วย ซึ่งหากเกิดจากความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่จริง ก็ควรจะแสดงความรับผิดชอบ เพราะทำให้ได้รับความเสียหายอับอาย และกระทบต่อสุขภาพจิตด้วย
ด้าน นายเกริกโกวิท ชานันโท ซึ่งเป็นลูกเขย และในฐานะที่มีชื่อเป็นเจ้าบ้าน หลังที่เจ้าหน้าที่มาปิดหมายยึดทรัพย์ บอกว่า ตอนที่เจ้าหน้าที่มาปิดหมายบังคับคดีหน้าบ้านมีเพียงแม่ยายอยู่ที่บ้าน แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้สอบถามอะไรเพียงนำหมายมาปิดและยื่นเอกสารคำพิพากษาศาลให้เท่านั้น ส่วนบ้านที่เจ้าหน้าที่นำหมายมาปิดก็มีชื่อของตนเองเป็นเจ้าบ้าน ส่วนพ่อตาแม่ยายมีชื่ออยู่อีกหลัง
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามแม่ยายยืนยันว่าไม่เคยไปกู้เงินหรือทำธุรกรรมกับธนาคารไหนเลย แต่ทำไมมีชื่อตกเป็นจำเลย 1 ใน 5 ที่ค้างชำระเงินธนาคาร และหากแม่ยายเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวจริง ทำไมที่ผ่านมาไม่เคยมีคำฟ้องส่งมาหาจำเลย ไม่มีหมายวันนัดขึ้นศาลอะไรเลย แต่จู่ๆ ก็นำหมายบังคับคดียึดทรัพย์มาปิดที่หน้าบ้าน จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นความผิดพลาดมากกว่า
ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะเป็นการปิดหมายผิดคนผิดบ้านเพราะชื่อ นามสกุล อาจจะตรงกัน จึงอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย เพราะกรณีที่เกิดขึ้นทำให้เสียหาย อับอาย และกระทบสุขภาพจิตทั้งตัวแม่ยาย และคนในครอบครัวด้วย
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามที่สำนักงานบังคับคดีเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ซึ่งทางผู้อำนวยการยังไม่พร้อมให้ข้อมูล เพียงให้เจ้าหน้าที่มาแจ้งว่าขอตรวจสอบรายละเอียดก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร โดยจะมีการนัดทั้งสองฝ่ายมาสอบถามและพูดคุยกันก่อน