กาฬสินธุ์- - ฟันแล้ว! ป.ป.ช.ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์แถลงผลการพิจารณาและชี้มูลความผิดทางอาญา 2 อดีตผู้บริหารท้องถิ่นในจังหวัดกาฬสินธุ์ 2 รายอดีตนายกเทศมนตรีตำบลโนนบุรี อ.สหัสขันธ์ ข้อหาทุจริตต่อหน้าที่ 16 โครงการ รวมโทษทุกกระทงจำคุก 50 ปี และอดีตนายก อบต.หนองแวง อ.สมเด็จ ฐานเรียกรับ จำคุก 5 ปี
วันนี้ (28 ก.พ.) เวลา 10.30 น. ที่ห้องประชุมเกื้อบุญ โรงแรมริมปาว อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ว่าที่ ร้อยตรี สมบูรณ์ หัสดม ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ จ.กาฬสินธุ์ แถลงผลการพิจารณาและชี้มูลความผิดทางอาญา 2 อดีตผู้บริหารท้องถิ่น คือ นายรัตนชัย ไชยคำมี อดีตนายกเทศมนตรีตำบลโนนบุรี อ.สหัสขันธ์ จำคุก 50 ปี เข้ามีส่วนได้เสียในโครงการของเทศบาล และนายนิติพงษ์ ภูติโส อดีตนายก อบต.หนองแวง อ.สมเด็จ จำคุก 5 ปี เรียกรับเงินต่อสัญญาจ้างครูศูนย์เด็กฯ
ว่าที่ ร้อยตรี สมบูรณ์กล่าวว่า กรณีนายรัตนชัย คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 96/2562 วันที่ 9 กันยายน 2562 ชี้มูลความผิดเรื่องกล่าวหานายรัตนชัย อดีตนายก ทต.โนนบุรี เข้ามีส่วนได้เสียในโครงการของ ทต.โนนบุรี รวม 16 โครงการ คดีหมายเลขดำที่ 44-2-441/2560 คดีหมายเลขแดงที่ 259-2-5/2562 กล่าวหาว่านายรัตนชัย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้ให้เอกชนรายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 จดทะเบียนเพิ่มวัตถุประสงค์ว่าจำหน่ายวัสดุการเกษตร วัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ไฟฟ้า ประปา คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์การศึกษา สื่อการเรียนการสอน และสินค้าเบ็ดเตล็ด เป็นคู่สัญญากับ ทต.โนนบุรี 16 โครงการ โดยใช้ชื่อห้างร้านประกอบ ในการทำงานจ้างทั้ง 16 โครงการ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เป็นผู้ดำเนินการเอง
เมื่อผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นำเช็คไปฝากเพื่อเรียกเก็บกับธนาคารออมสินแล้วจะนำเงินค่าจ้างทั้ง 16 โครงการมาให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 โดยผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จะให้เงินแก่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ครั้งละ 200-300 บาท เป็นการตอบแทน ถือว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เป็นเหตุให้ ทต.โนนบุรีได้รับความเสียหาย ระหว่างวันที่ 23 สิงหาคม 2555 ถึงวันที่ 30 มกราคม 2558 ต่อเนื่องกัน
ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ ว่าการกระทำของนายรัตนชัย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อท 161/2563 คดีหมายเลขแดงที่ อท 191/2564 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม), 152 (เดิม) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 122 วรรคหนึ่ง
จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม), 152 (เดิม) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 122 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนดกระทงละ 5 ปี รวม 16 กระทง เป็นจำคุก 80 ปี
“เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3) จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนดกระทงละ 3 ปี 4 เดือน รวม 16 กระทง เป็นจำคุก 48 ปี 64 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3) ทั้งนี้ เป็นผลการพิจารณาหลัง ป.ป.ช.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ ชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2562” ว่าที่ ร้อยตรี สมบูรณ์กล่าว
ว่าที่ ร้อยตรี สมบูรณ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 2/2563 วันที่ 3 มกราคม 2563 ชี้มูลความผิดเรื่องกล่าวหานายนิติพงษ์ ภูติโส อดีตนายก อบต.หนองแวง อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ กับพวก เรียกรับเงินจากพนักงานจ้างตามภารกิจตำแหน่งผู้ช่วยผู้ดูแลเด็ก เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการต่อสัญญาจ้าง คดีหมายเลขดำที่ 44-2-176/2555 คดีหมายเลขแดงที่ 024-2-50/2563 ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบตามความเห็นของอนุกรรมการไต่สวนว่าการกระทำของนายนิติพงษ์ ผู้ถูกกล่าวหารายที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง
ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 และมาตรา 257 และมีมูลความผิด ฐานกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92
ว่าที่ ร้อยตรี สมบูรณ์กล่าวอีกว่า ล่าสุดศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2564 เป็นคดีหมายเลขแดงที่ อท 118/2564 ว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 (เดิม) จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 สำหรับจำเลยที่ 1 จำคุก 5 ปี
ส่วนจำเลยที่ 2 จำคุก 3 ปี 4 เดือน พิเคราะห์แล้วเห็นว่า “จำเลยที่ 1 อาศัยโอกาสที่ตนมีหน้าที่ในการต่อสัญญาพนักงานจ้างตามภารกิจซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ต้องจำยอม ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธถือว่าไม่สำนึกในการกระทำ และจำเลยทั้งสองแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้จากพนักงานจ้างตามภารกิจที่ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น โทษจำคุกไม่สมควรรอการลงโทษให้ ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องภายหลัง ป.ป.ช.ประจำ จ.กาฬสินธุ์ ชี้มูลความผิดวันที่ 3 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา