จันทบุรี - “อลงกรณ์” การันตีปีนี้ผลักดันการส่งออกผลไม้ภาคตะวันออกได้เต็มที่ เล็งพัฒนาสนามบินท่าใหม่ในเชิงพาณิชย์ หนุนส่งออกสินค้าเกษตร พร้อมผลักดันการแปรรูปสินค้าในกลุ่มเกษตรกร ลดปริมาณผลผลิตไม่ได้มาตรฐาน
เมื่อเร็วๆ นี้ นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตรและสหกรณ์ นำคณะเข้าประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน จ.จันทบุรี เพื่อติดตามสถานการณ์ผลไม้ และมาตรการกระจายผลผลิตในพื้นที่ ป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาดจนส่งผลให้ราคาผลไม้ตกต่ำ โดยเฉพาะในช่วงผลผลิตทุเรียนที่กำลังใกล้ออกสู่ตลาด
โดยบอกว่าปัจจุบันมีเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนในพื้นที่ จ.จันทบุรี ที่ได้รับใบรับรอง GAP เพิ่มมากขึ้นถึง 120,000 แปลง อีกทั้งราคาทุเรียนที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทำให้เกษตรกรหันมาเพิ่มพื้นที่การปลูกมากขึ้น
“ที่ผ่านมาไทยครองตลาดผลไม้ในประเทศจีนได้มากถึง 45% ขณะที่มูลค่าการส่งออกผักและผลไม้ไปจีนมีมูลค่าการค้ามากถึง 180,000 ล้านบาท ส่วนผลไม้จากจีนที่ส่งเข้ามาขายในประเทศไทยมีมูลค่าเพียง 40,000 ล้านบาท นับว่าต่างกันหลายเท่าตัว”
นายอลงกรณ์ ยังเผยถึงแนวทางแก้ไขปัญหาการขนส่งผลไม้จากไทยไปจีน หลังจากที่ผ่านมาเกิดปัญหาผลผลิตตกค้างที่ด่านชายแดนประเทศจีนเป็นจำนวนมากจากปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า จากนี้รัฐบาลจะเร่งสร้างความสัมพันธ์ล่วงหน้ากับจีนให้เพิ่มมากขึ้น
เนื่องจากด่านชายแดนจากไทยไปจีนปัจจุบันมีมากถึง 10 ด่าน จากเดิมที่มีเพียงแค่ 2 ด่านซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง สปป.ลาว เวียดนาม และจีน
ส่วนการยกระดับภาคตะวันออกให้เป็นมหานครแห่งผลไม้ จำเป็นต้องสนับสนุนให้เกิดการแปรรูปผลผลิตและการสร้างแบรนด์สินค้าในกลุ่มเกษตรกรให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดปริมาณผลผลิตที่ไม่ได้คุณภาพ และคาดว่าหลังจากนี้อีก 2 สัปดาห์ จะเกิดการร่างแผนงานให้ครบทุกมิติ
ส่วนแนวทางการพัฒนาสนามบินจันทบุรี หรือที่คนในพื้นที่เรียกว่า “สนามบินท่าใหม่” ให้สามารถรองรับการขนส่งสินค้าภาคเกษตรของเกษตรกรในพื้นที่ จำเป็นต้องเร่งผลักดันให้เกิดการใช้งานในเชิงพาณิชย์เพื่อเพิ่มศักยภาพสนามบิน
และเชื่อว่าภายในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะเห็นถึงความคืบหน้าในการพัฒนา เนื่องจากขณะนี้ได้มีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาวิเคราะห์สภาพพื้นที่ว่าสามารถยกระดับสู่เชิงพาณิชย์ได้มากน้อยเพียงใด และจากนี้ไปจะผลักดันให้เกิดการใช้สนามบินเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว ควบคู่ไปกับการกระจายสินค้าทางอากาศอีกด้วย
และยังบอกอีกว่า รัฐบาลยังไม่ได้ทิ้งประเด็นการพัฒนาช่องทางขนส่งสินค้าพิเศษ Green Lane และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหาแนวทางเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านให้มากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไทยไม่มีพรมแดนติดกับประเทศจีน หรือพื้นที่ที่มีตลาดปลายทางหลักที่ต้องผ่านประเทศที่ 3 คือ จีน สปป.ลาว และเวียดนาม
นายกฤติเดช อยู่รอด เลขาสมาพันธ์ทุเรียนไทย ได้ขอให้ทางรัฐบาลเร่งสนับสนุนการวิจัยและทดลองหาการใช้สารต่างๆ เพื่อฆ่าเชื้อโควิด-19 ทั้งเชื้อเป็นและเชื้อตายไม่ให้ติดไปกับผลไม้ เพื่อลดผลกระทบจากการถูกกักผลผลิตที่ด่านชายแดนของจีน จนทำให้ผลผลิตได้รับความเสียหาย
