xs
xsm
sm
md
lg

พบคราบน้ำมันก้อนใหญ่อยู่ห่างอ่าวพร้าว เกาะเสม็ดเพียง 2 กม. และเริ่มเคลื่อนตัวช้าๆ เข้าพื้นที่แล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวศรีราชา - พบทิศทางคราบน้ำมันก้อนใหญ่เริ่มเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ มุ่งหน้าเข้าอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ขณะศูนย์บัญชาการปฏิบัติการกู้คราบน้ำมันส่งเรือปั่นไฟส่องสว่าง 3 ลำเฝ้าระวังตลอดช่วงคืนยันเช้า วางแผนรับมือเต็มที่

ช่วงเช้าที่ผ่านมา (30 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายสุรินทร์ สินรัตน์ ที่ปรึกษาอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ว่า จากเฝ้าระวังโดยศูนย์บัญชาการปฏิบัติการกู้คราบน้ำมันรั่วไหลกลางทะเล จ.ระยอง ด้วยการส่งเรือปั่นไฟส่องสว่าง จำนวน 3 ลำ ปฏิบัติการในทะเลห่างฝั่งประมาณ 2 กิโลเมตร ในลักษณะเรียงเป็นหน้ากระดานห่างกันลำละ 600 เมตร บริเวณร่องน้ำระหว่างลานหินดำ-ก้นอ่าว และร่องน้ำเขาแหลมหญ้า-อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด เพื่อเฝ้าสังเกตคราบน้ำมัน

โดยพบคราบน้ำมันเริ่มเข้ามาใกล้ฝั่งระยะประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมการรับมือ และเฝ้าระวังก้อนน้ำมันพัดเข้าฝั่งที่อาจส่งผลกระทบเสียหายเป็นวงกว้าง

ขณะที่คราบน้ำมันมีลักษณะเป็นคราบจุดหนาแน่น หรือไข่แดง ที่มีลักษณะเป็นฟิล์มบางๆ พบในรัศมีประมาณ 51 ตร.กม. หรือ 32,000 ไร่ และจากภาพถ่ายดาวเทียมของจิสต้า ยังพบทิศทางกระแสน้ำมุ่งเข้าอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ในลักษณะการเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ


ที่ปรึกษาอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ยังเผยอีกว่า ขณะนี้ทุกภาคส่วนอยู่ระหว่างการเฝ้าจับตาดูว่าคราบน้ำมันดังกล่าวจะเคลื่อนถึงฝั่งเวลาใด ซึ่งกรมควบคุมมลพิษ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ผนึกกำลังกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพิ่มสารเคมีฉีดสลายกลางทะเล และติดตั้งทุ่นร่องน้ำป้องกันพื้นที่เกาะเสม็ด รวมทั้งแหล่งปะการัง และหญ้าทะเลอย่างเต็มที่แล้ว 


รมช.สาธารณสุขติดตามสถาการณ์ใกล้ชิด ระบุห่วงสุขภาพเจ้าหน้าที่ นักท่องเที่ยวและประชาชน

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลา 21.00 น.วานนี้ (29 ม.ค.) ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงพื้นที่ชายหาดแม่รำพึง อ.เมืองระยอง เพื่อติดตามการเก็บกู้คราบน้ำมันออกจากชายหาด พร้อมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ SPRC โดยเฉพาะในเรื่องอันตรายที่อาจจะเกิดจากน้ำมัน

โดยเจ้าหน้าที่ SPPC ชี้แจงว่า น้ำมันดิบล็อตที่เกิดเหตุเป็นน้ำมันที่นำเข้าจากตะวันออกกลาง จึงทำให้มีปริมาณสารปรอทน้อยกว่าที่อื่น แต่อาจมีการปนเปื้อนของสารแคดเมียม และนิกเกิล ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามว่ามีการตกค้าง หรือส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่

และจากการส่งนักประดาน้ำเข้าแก้ไขบริเวณที่มีการรั่วไหลของน้ำมัน ได้ใช้วิธีซีลด้วยเทปจุดที่รั่วไหลเป็นที่เรียบร้อย จนสามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการรั่วไหลเพิ่มเติม


เจ้าหน้าที่ SPPC กล่าวว่า หากได้รับการอนุมัติจากกรมควบคุมมลพิษ ให้ทำการถอดและยกท่อที่มีการรั่วไหลขึ้นมาตรวจสอบบนฝั่ง จะเร่งดำเนินการในทันที

ทั้งนี้ ท่อที่เกิดเหตุรั่วไหลเป็นท่อขนาด 48 นิ้ว ความยาว 20 กิโลเมตร ส่วนปริมาณน้ำมันดิบที่รั่วไหลออกมายังเป็นตัวเลขที่เกิดจากการประเมิน และเมื่อเทียบกับสารดีสเพอร์แซนส์ที่นำมาใช้ในการสลายคราบน้ำมันจึงทำให้ยังไม่สามารถระบุจำนวนที่แท้จริงได้

ส่วนกรณีที่มีการเผยแพร่ตัวเลขน้ำมันที่รั่วไหล จำนวน 400,000 ลิตรก่อนหน้านี้นั้น เจ้าหน้าที่ SPPC ยืนยันว่า ยังไม่ทราบที่มา เนื่องจากในประกาศฉบับแรก รวมถึงหนังสือการขอใช้สารดีสเพอร์แซนส์ จำนวน 40,000 ลิต ระบุเพียงว่าเป็นน้ำมันดิบจำนวนหนึ่งเท่านั้น

ขณะที่ตัวเลข 160,000 ลิตร เป็นตัวเลขที่เกิดจากการประมาณการและเทียบกับส่วนต่างๆ เท่านั้น ซึ่งยังมีความคลาดเคลื่อนอยู่ แต่ถือว่าเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงที่สุด


อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้แสดงความห่วงใยด้านสุขภาพทั้งของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน รวมถึงชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณหาดแม่รำพึง และนักท่องเที่ยว เนื่องจากน้ำมันมีกลิ่นฉุน จึงไม่ควรสูดดมเป็นเวลานานเพราะอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

ขณะที่กรมสุขภาพจิต จะส่งทีมแพทย์ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสภาพจิตใจและความเครียดของประชาชน และกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์บัญชาการสถานการณ์ รวมทั้งให้การสนับสนุนในเรื่องของการดูแลสุขภาพของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว ขณะที่รัฐบาลจะตั้งกรรมการมาดูแลในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน






กำลังโหลดความคิดเห็น